วิษณุบอกใครมีเงิน-ปัญญา จะตั้งพรรคสำรองก็ไม่ผิด ยันลงพื้นที่พบปะ ปชช.ได้ แต่ห้ามหาเสียง

วิษณุชี้มีเงิน-สมอง ตั้งพรรคเพิ่ม หวังโกยคะแนน ไม่ผิด ตอบโจทย์ปฏิรูปการเมืองหรือไม่ ไม่รู้

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีพรรคการเมืองตั้งพรรคสำรองเพื่อรองรับการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่า พรรคการเมืองจะแตกยอดจดทะเบียนออกไปอีกกี่พรรคเป็นเรื่องของเขา เพราะเมื่อแยกออกไปแล้ว จะถือว่าเป็นคนละพรรคกัน ไม่ใช่หัวหน้าพรรคคนเดียวกัน คนละนโยบาย ถือเป็นคนละนิติบุคคล ส่วนเป้าหมายจะเหมือนกับพรรคที่แตกยอดออกมาหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย แม้บางพรรคจะออกมายอมรับว่าได้ตั้งพรรคสำรองไว้ก็ตาม และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ส่งเสริมให้พรรคการเมืองแข็งแกร่ง เพราะในรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ส่งเสริมให้พรรคการเมืองแข็งแกร่งอยู่แล้ว โดยมีการรับฟังสมาชิกในการจะดำเนินการเรื่องต่างๆ มีมาตรการทั้งส่งเสริมและควบคุมพรรคการเมืองไว้อย่างดี

“ส่วนใครจะมีทุน มีสติปัญญา จะไปคิดตั้งพรรคเพิ่มก็ไม่แปลกอะไร มันมีมาทุกยุค ทุกสมัย เพียงแต่เราอาจไม่รู้สึกว่าโจ่งแจ้ง ที่เขาต้องตั้งพรรคเพิ่ม เพราะต้องการเก็บคะแนนให้ได้มากที่สุด เมื่อเขามองว่าเป็นช่องทางที่สามารถทำได้ ก็เรื่องของเขา” นายวิษณุกล่าว

เมื่อถามว่า การออกแบบกฎหมายเช่นนี้ ตอบโจทย์การปฏิรูปพรรคการเมืองหรือไม่ เพราะแทนที่นักการเมืองจะทำให้พรรคเข้มแข็ง แต่กลับต้องไปตั้งพรรคเพิ่ม เพื่อให้ได้คะแนนเสียงมากๆ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ตอบไม่ถูก เชื่อว่าประชาชนจะพิจารณาแล้วตัดสินใจได้ เมื่อเขาทำได้โดยไม่ผิด ก็ไม่เป็นไร

นายวิษณุกล่าวว่า สำหรับการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคการเมือง สามารถเสนอ 1-2 ชื่อก็ได้ แต่ไม่เกิน 3 ชื่อ หรือไม่เสนอเลยก็ได้ ขณะนี้พรรคการเมืองสามารถลงพื้นที่ไปพบปะประชาชนเพื่อรับฟังความคิดเห็นเพื่อจัดทำนโยบายได้ ซึ่งมีหลายพรรคทำกันอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่การหาเสียง

รองนายกฯกล่าวว่า ไม่ทราบเหตุผลที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะนัดพรรคการเมืองมาพูดคุยทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อกฎหมายก่อนการเลือกตั้งรอบ 2 เพราะผลจากการหารือในครั้งแรก กกต.ยังไม่ส่งมาให้รัฐบาล ดังนั้นจึงยังไม่ทราบว่ารัฐบาลและ คสช.จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพรรคการเมืองได้เมื่อใด แต่จะต้องมีการประชุมก่อนวันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งจะเป็นวันครบกำหนด พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ 90 วัน

เมื่อถามว่า ในฐานะฝ่ายกฎหมายรัฐบาลได้แจ้งเตือน 4 รัฐมนตรี ที่เข้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เกี่ยวกับการวางตัวหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เรื่องนี้ได้พูดในที่ประชุม ครม.แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปบอกอะไรอีก เชื่อว่าแต่ละคนรู้อยู่แล้วว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไร และการที่รัฐมนตรีจะลงเล่นการเมือง ก็ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศ ซึ่งถ้าเกิดมีความผิดพลาดก็เป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับ ครม.และส่วนตัวไม่ทราบว่า 4 รัฐมนตรีนี้จะลาออกหรือไม่ เมื่อไร ไม่เคยมีใครมาปรึกษา