“โภคิน”ลั่น เพื่อไทยทำเต็มที่แล้ว ถ้าหลังเลือกตั้งปชช.เลือกคสช.ก็พร้อมยอมรับ

“โภคิน” ชี้ เสนอพท. ยึดหลัก 9 ข้อ บอก ถ้าหลังลต.ปชช.เลือกคสช.ก็ต้องยอมรับ ยัน วันนี้ทำหน้าที่ต่อสู้กับเผด็จการเพื่อยืนหยัดปชต.อย่างเต็มที่แล้ว จากนี้อยู่ที่ปชช.เลือกว่าจะแก้ปัญหาปท.ด้วยรูปแบบใด

เมื่อวันที่ 20 กันยายน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร นายโภคิน พลกุล อดีตรองนายกฯ บรรยายเรื่องกระบวนทัศน์ของการจัดการภาครัฐไทยยุคหลังการเลือกตั้งตอนหนึ่งว่า ประเด็นสำคัญคือวิธีคิดวิธีทำงานต่างๆที่จะให้ประเทศเดินหน้าไปได้นั้น ปัญหาสำคัญคือความไม่ต่อเนื่องของระบอบประชาธิปไตย ซึ่งคนที่จะป้องกันได้ก็คือประชาชน เช่น เมื่อไม่พอใจรัฐบาลก็ออกมาประท้วง ยุให้ทหารมายึดอำนาจ เราต้องไม่ทำแบบนั้น แม้รัฐบาลจะไม่ดีอย่างไรคนที่จะเปลี่ยนต้องเป็นประชาชนด้วยการเลือกตั้ง ใครที่เราไม่ถูกใจก็อย่าเลือก

ประเด็นต่อมาคือเราอยากเห็นสังคมเดินไปสู่อะไร ตนคิดว่าเราอยากเห็นประชาธิปไตยที่มั่นคง อยากเห็นระบบราชการที่เล็กและมีประสิทธิภาพ และรับใช้ประชาชน แต่วันนี้รัฐบาลนี้สร้างระบบรัฐราชการที่เข้มแข็ง เราต้องทำให้เป็นรัฐประชาชน เราต้องฟังเสียงผู้คน คนจะออกกฎเกณฑ์อะไรจะคิดเองเออเองจากบนลงล่างไม่ได้ ต้องทำจากล่างขึ้นมาบน ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปี เป็นความตั้งใจดีที่อยากเห็นประเทศพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง แต่แบกคนจนไว้ 13 ล้านคน แบกคนสูงอายุอีก 6-7 ล้านคน แล้วเราเหลือคนทำงานเท่าไหร่ แถมประชากรวัยแรงงานลดลงอีก นี่คือสิ่งที่ท้าทายทั้งหมด ไม่นับหุ่นยนต์ที่จะเข้ามาแย่งงานอีกจำนวนมาก ก็ยังไม่เห็นว่าตรงไหนจะนำไปสู่ทางออก ซึ่งตนเห็นว่าการศึกษาสำคัญ คุณจะตอบโจทย์อะไร ต้องทำให้การศึกษาต้องเป็นสากล ไปที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้คนไม่ยากจนเราต้องให้รัฐวิสาหกิจหรือบริษัทใหญ่ๆเป็นคนให้การศึกษา แต่ประชารัฐทุกวันนี้เป็นแบบที่ให้เจ้าสัว และรายใหญ่ แล้วรัฐร่วมลงทุน ถามว่าประชาชนไปอยู่ตรงไหน เป็นแค่ลูกจ้างหรืออย่างไร จะทำให้คุณเติบโตขึ้นมาได้อย่างไร วันนี้อะไรที่ทำได้โดยไม่ต้องใช้เงินเราต้องทำก่อน ลดภาระ เช่น การออกใบอนุญาต อนุมัติทั้งหลาย คนจะได้สามารถทำธุรกิจได้ง่าย เอาอำนาจราชการให้น้อยที่สุด แล้วปัญหาคอร์รัปชั่นก็จะน้อยตามไปเอง ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุนไม่ใช่คนที่มากำหนดอนุมัติหรืออนุญาตไปเสียหมดยกเว้นเรื่องที่มีความสำคัญ หรือว่าเป็นภัยต่อสังคมจริงๆ ถ้าแบบนี้คอร์รัปชั่นก็ลดต้นทุนก็รถโดยไม่ต้องใช้เงินเลย ดังนั้นสิ่งที่ประชาชนต้องช่วยกันคือต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ได้รัฐบาลที่เข้มแข็ง มีเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภา ส.ว.ก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าได้อย่างนั้นอุปสรรคที่มียังสามารถฟันฝ่าไปได้ แต่ถ้าได้รัฐบาลที่อ่อนแอผสมผสานไปหมด บวกกับอุปสรรคที่เต็มไปหมดประเทศจะไปไหนไม่ได้ นี่คือทั้งหมดที่เราจะต้องทำต่อไป

นายโภคิน กล่าวว่า วันนี้พรรคการเมืองจะเข้าสู่โหมตเลือกตั้งแล้ว แต่ก็ยังมีข้อห้าม 1 2 3 4 5 และต้องขออนุญาติกกต.ก่อน รวมถึงห้ามหาเสียง ข้อจำกัดเยอะแยะไปหมด ก็สงสัยว่าแล้วแบบนี้จะมีเลือกตั้งทำไม ในเมื่อหัวใจสำคัญของการเลือกตั้งคือการลงไปพบประชาชน แล้วคุณบอกให้ดำเนินการหาสมาชิกได้ แต่ห้ามบอกว่าเราดีอย่างไร ห้ามหาเสียง แล้วว่าถ้าเราไม่บอกว่าเราดีอย่างไร ใครเขาจะอยากมาเป็นสมาชิกพรรคเรา อย่างไรก็ตาม

สิ่งที่ตนจะเสนอให้พรรคพท.ยึดเป็นวิสัยทัศน์ และอุดมการณ์ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่สังคมไทยปรารถนา คือ 1.พรรคพท. เราจะมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่มั่นคง ไม่มีการรัฐประหารอีกต่อไป 2.มีวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง ยึดมั่นในหลักนิติธรรม สิทธิมนุษยชน และพันธกรณีระหว่างประเทศ 3.อยู่ร่วมกับประเทศต่างๆอย่างสันติ และร่วมมือกันเพื่อสร้างโลกและสังคมไทยบนพื้นฐานของการพัฒนาแบบสีเขียวที่ยั่งยืน ประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความเมตตาปรารถนาดี และโอบอ้อมอารีแก่กัน 4.ไม่มีคนที่อยู่ต่ำหกว่าเส้นระดับความยากจน คนส่วนใหญ่ของประเทศมีความมั่งคั่งมากกว่าคนส่วนน้อย 5.การดำรงชีวิต และการทำมาหากินเป็นไปโดยสะดวก ปลอดภัย ได้รับการปฏิบัติจากภาครัฐอย่างเสมอภาค รวดเร็ว เป็นธรรม 6.มีระบบราชการที่เล็ก โปร่งใส ประสิทธิภาพสูง ไม่เลือกปฏิบัติ เปี่ยวด้วยวัฒนธรรม รับใช้ประชาชน ไม่เป็นต้นเหตุของการทุจริตคอรัปชั่น 7.มีความโดดเด่นเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และภูมิภาคในด้ายต่างๆ 8.มีการผสมผสานและเกื้อกูลกันของประชากรต่างวัย ต่างเชื้อชาติ 9.มีความเป็นสากล แต่ดำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม และประเพณีของไทยอย่างเหนียวแน่น และทำให้เป็นที่รู้จักของโลกอย่างกว้างขวาง

เมื่อถามว่า หลังจากการเลือกตั้งเศรษฐกิจประเทศจะดีขึ้นหรือไม่ นายโภคิน กล่าวว่า ดีขึ้นแน่นอน เพราะเพียงแค่ประกาศวันเลือกตั้งเท่านั้นหุ้นก็ขึ้นระเบิด เพราะเป็นความเชื่อมั่นว่าจะเกิดการเลือกตั้ง

เมื่อถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคต นายโภคิน กล่าวว่า ถ้าเราเข้ามาบริหารประเทศ เราจะทำประชามติว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ขัดขวางการพัฒนาประเทศหรือไม่ แล้วให้ประชาชนลงมติกันให้ถล่มทลาย แบบนี้เราจะสามารถแก้รัฐธรรมนูญได้ ใครจะขวางไม่ได้ จะใช้องค์กรอะไรมาจำกัดเราไม่ได้ ไม่เช่นนั้น คุณก็เป็นผู้ร้ายเกินไปแล้ว

เมื่อถามว่า ที่มาส.ส. ส.ว. มีผลดี ผลเสียอย่างไร นายโภคิน กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ย้อนกลับไปในยุค 0.4 อย่างแท้จริง โดยให้ส.ว.มาจากการแต่งตั้ง ทั้งที่ปี 40 ให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง และปี 50 เลือกตั้งครึ่งหนึ่ง แต่งตั้งครึ่งหนึ่ง แต่ปัจจุบัน เข้าป่าไปเลย เป็นการแต่งตั้งทั้งหมด ส่วนส.ส.เมื่อก่อนเราใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใน ใบหนึ่งเลือกคนที่ชอบ อีกใบเลือกพรรค แต่มาวันนี้กลับมีสิทธิเลือกแค่บัตรใบเดียว การเลือกนายกฯก็เขียนให้ส.ว.มีส่วนในการเลือกนายกฯได้ ทั้งที่ผ่านมาส.ส.ที่มาจากประชาชนเท่านั้นที่เลือกนายกฯได้ในกรณีที่ส.ส.ไม่สามารถตกลงกันเลือกนายกฯได้ รัฐธรรมนูญออกมาแบบนี้ได้อย่างไร คุณเขียนมาเพื่อตอบโจทก์อะไร

เมื่อถามว่า หากหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ คสช. กลับเข้ามาเป็นรัฐบาล จะทำอย่างไรให้สถานการณ์หลังการเลือกตั้งเดินไปได้อย่างสมูทที่สุด นายโภคิน กล่าวว่า ถ้าประชาชนส่วนใหญ่เลือกพรรคที่สนับสนุนคสช. ก็ถือว่าประชาชนชื่นชอบ คสช. และประชาชนคือผู้ตัดสินแล้ว เราก็ต้องยอมรับ ทั้งนี้ เรายินดีที่จะเป็นฝ่ายค้าน ตรวจสอบความโปร่งใสต่างๆ และทำหน้าที่ตามอุดมการณ์ของเรา แต่เราคงไม่สามารถนำเอานโยบายของเราเข้าไปสู่การปฏิบัติได้ เราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่แล้ว เราสู้กับเผด็จการอย่างถึงที่สุด เราโดนคดีต่างๆมากมายจากการต่อสู่กับระบบเผด็จการ เพื่อยืนหยัดระบอบประชาธิปไตย ก็อยู่ที่ประชาชนแล้วว่าประชาชนอยากได้แบบไหน อย่างไรก็ตาม ประชาชนคือเจ้าของอำนาจ เราต้องเป็นคนเลือกว่าเราจะแก้ไขปัญหาประเทศด้วยรูปแบบไหน