เผยแพร่ |
---|
ที่กระทรวงพาณิชย์ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังประชุมร่วมระหว่าง กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารระดับสูงในภาคเกษตร 20 ราย ที่มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 25 กันยายน กระทรวงฯจะขออนุมัติมาตรการจูงใจให้เกษตรกรหันปลูกพืชอาหารสัตว์แทนการปลูกข้าว และเริ่มโครงการหลังเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังแล้วในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้
นายกฤษฎา กล่าวว่า มาตรการจูงใจ ประกอบด้วย 1.สร้างความมั่นใจการรับซื้อผลผลิต ซึ่งได้ประสานการรับซื้อจากผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก 2.ลดความเสี่ยงในเรื่องราคา โดยจะมีการกำหนดเพดานราคารับซื้อผลผลิตที่เป็นธรรมทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่าย 3. ประสานให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ปล่อยกู้ในอัตราต่ำ 0.1% แทนเดิมมีการชดเชยให้เกษตรกร 2 พันบาท/ไร่ 4. ส่งเสริมให้เกษตรกรทำการประกันภัยพืชผล ในอัตราต่ำ 40-50 บาท/ไร่ ซึ่งจะของบประมาณ 641 ล้านบาท เพื่อชดเชยดอกเบี้ยและเบี้ยประกันบางส่วนให้เกษตกร ในระยะเวลา 6 เดือน ครอบคลุมเกษตรกรใน 33 จังหวัดในเขตพื้นที่ชลประทาน ประมาณ 2.8 ล้านไร่
นายกฤษฎา กล่าวว่า ซึ่งในแผนงานก็จะมีการกำหนดปริมาณ ช่วงเวลารับซื้อ กำหนดราคารับซื้อ เป็นการเอาการตลาดนำการผลิต ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการช่วยลดปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ และสร้างรายได้ยั่งยืนให้เกษตรกร โดยเบื้องต้นพืชเป้าหมายคือ ข้าวโพด พืชผักและผลไม้ เช่น ลองกอง ลำไย และสับปะรดโรงงาน รวมถึงเพาะเลี้ยงประมง
นายกฤษฎา ตอบข้อซักถามที่ว่าทำไมเพิ่งมาทำในช่วงใกล้เลือกตั้งและหวังผลอย่างไร ว่า นายกรัฐมนตรี คิดมาตลอด 4 ปี ที่จะมีการปรับเปลี่ยนวิถีเกษตรกรไทย จะใช้ม.44 ออกคำสั่ง ให้ปรับโน่นนี่ก็ไม่ได้ เรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการจูงใจ สร้างความน่าเชื่อถือ เอกชนก็ไม่อาจไปบังคับเขาได้ ต้องมีการหารือและประสานกันมาตลอด จากนี้ใครเป็นรัฐบาลต่อ ถ้าเห็นว่าเป็นแนวทางที่ดีที่จะใช้เกษตรกรและสานต่อก็เป็นเรื่องน่ายินดี