ดีเอสไอแจง ทำคดีฝายแม้วตามขั้นตอน -รถหรูเลี่ยงภาษี รอหลักฐานจากต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 17 กันนายน ผู้สื่อข่าวรานยงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีมีการระบุว่า คดีทุจริตการก่อสร้างฝายต้นน้ำแบบผสมผสาน (ฝายแม้ว) และคดีรถยนต์หรูหนีภาษี ที่อยู่่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับงบประมาณตรวจสอบการทุจริตมากกว่าสองพันล้านบาท แต่การทำหน้าที่ตรวจสอบกลับไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร นั้น เพื่อให้สาธารณชนทราบข้อเท็จจริงและกระบวนการด้าเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษในเรื่องดังกล่าว จึงขอชี้ แจงข้อเท็จจริงโดยสรุปเป็นลำดับ ดังนี้

1. กรณีฝายแม้วนั้น คณะกรรมการคดีพิเศษ ได้มีมติในการประชุมครั้งที่5/2552 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2552 ให้คดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐและการทุจริตการเบิกจ่ายงบประมาณกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในการด้าเนินโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรดินและป่าไม้ในพื นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อลดผลกระทบภาวะวิกฤติโลกร้อน ประจ้าปีงบประมาณ2551 เป็นคดีพิเศษ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ด้าเนินการสืบสวนสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 71/2552 และเนื่องจากเป็นคดีพิเศษที่อยู่ในอำนาจคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2552 ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่31 ลงวันที่ 30 กันยายน 2549 ต่อมาสำนักงาน ป.ป.ช.ได้แยกส่งเฉพาะประเด็นกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ คืนมาให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบสวน เป็นคดีพิเศษที่ 115/2552

ภายหลัง เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2554 สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีหนังสือแจ้งมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.มายังอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษให้โอนเรื่องและส่งเอกสาร เนื่องจากเรื่องดังกล่าวคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวน กรณีกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองร่วมกระทำผิดด้วย ซึ่งเรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษด้าเนินการอยู่เป็นเรื่องกล่าวหาในประเด็นเกี่ยวพันกับกรณีกล่าวหาบุคคลตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้ส่งส้านวนการสอบสวนคดีพิเศษที่115/2552 ไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ตั งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2554 เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย แล้ว

2. สำหรับคดีเกี่ยวกับการทุจริตนำเข้ารถยนต์จดประกอบและรถยนต์สำเร็จรูปเลี่ยงภาษีอากรนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษมีการสืบสวนสอบสวนอย่างต่อเนื่อง โดยรับคดีพิเศษทั้งสิ้น 134 คดี ซึ่งหลายคดีมีการสอบสวนเสร็จสิ้ น และสรุปสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นส่งไปยังพนักงานอัยการเพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ส่วนคดีที่เหลืออยู่ในกระบวนการรวบรวมหลักฐานจากต่างประเทศ ซึ่งต้องด้าเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535 ที่มีอัยการสูงสุดเป็นผู้ประสานงานกลางตามกฎหมาย ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้มีการประสานงานกับส้านักงานต่างประเทศ ส้านักงานอัยการสูงสุด เพื่อร่วมกันประสานงานและแก้ไขข้อขัดข้องเพื่อให้ได้พยานหลักฐานมาด้าเนินคดีโดยเร็วอยู่แล้ว

อนึ่ง สำหรับประเด็นการใช้จ่ายงบประมาณนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษมีภารกิจในการป้องกัน ปราบปราม สืบสวน และสอบสวนคดีความผิดทางอาญาตามที่ก้าหนดไว้ในพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ซึ่งงบประมาณดังกล่าว ไม่ได้มีการจำแนกว่าเป็นงบประมาณส้าหรับปราบปรามอาชญากรรมด้านใดด้านหนึ่งเป็นการเฉพาะ โดยในแต่ละปีงบประมาณ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับจัดสรรงบประมาณในภาพรวมเพียงหนึ่ง1,000ล้านบาทเศษ ไม่ได้มีงบประมาณในด้านการปราบปรามการทุจริตดังที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด