“ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์”เปิดใจ ผู้ชมอาจไม่ได้เห็นบนจออีก หลังรายการถูกกดดันหนัก

นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิเคราะห์การเมืองรายการโทรทัศน์ และคอลัมนิสต์ชื่อดัง โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊กแฟนเพจ Sirote Klampaiboon (ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์) เล่าว่า อาจจะไม่ได้จัดรายการทีวีอีกต่อไป หลังมีการกดดันจากบางหน่วยงาน โดยระบุว่า

ขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่าไม่กี่วันนี้ทุกท่านจะไม่เห็นผมบนหน้าจอทีวีอีกต่อไป ระยะเวลานานเท่าไรผมไม่ทราบ และจะพบกันในเงื่อนไขไหนก็ไม่รู้ เพราะเหตุการณ์นี้เกิดจากการกดดันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งอ้างว่าคนใกล้ชิดผู้มีอำนาจต้องการ

ด้วยต้นเหตุที่เป็นแบบนี้ การหายไปไม่ได้เกิดขึ้นเพราะผมทำอะไรผิดกฎหมายทั้งกฎหมายปกติและกฎหมายของ คสช.ทุกกรณี

สรุปสั้นๆ องค์กรซึ่งใช้อำนาจคุมสื่อเรียกช่องที่ผมเกี่ยวข้องไปพูดคุยถึงรายการวันซึ่งผมไม่ใช่ผู้ร่วมจัด เหตุผลขององค์กรคือรายการวันนั้นมีภาพคุณทักษิณและผู้ชุมุนมเลือกตั้งมากเกินไป

การมีภาพดังกล่าวในวันที่มีข่าวทั้งสองจะถูกหรือผิดคงแล้วแต่การตีความ ตามกฎหมายนั้นไม่ผิดแน่ๆ แต่ตามอำนาจรัฐตอนนี้อาจถือว่าผิดก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงของเรื่องคือผมไม่เกี่ยวกับรายการวันนั้นสิ้นเชิง

ทั้งที่ผมไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องซึ่งเป็นวัตถุของการพิจารณา ผู้มีอำนาจในองค์กรดังกล่าวก็พูดขึ้นว่าผมแสดงความเห็นเสียดสีและไม่เป็นกลาง จากนั้นการกดดันให้ผมหายไปจากหน้าจอก็เกิดขึ้น และถ้าเดาไม่ผิด เรื่องนี้น่าจะมีผลทันทีในวันจันทร์ที่ 17 กันยายน

ผมทราบว่าตัวเองทำงานที่ต้องแสดงความเห็นที่ผู้มีอำนาจไม่พอใจ แต่การกดดันให้ผมหายไปจากหน้าจอโดยกล่าวหาว่าผม “ไม่เป็นกลาง” และ “เสียดสี” เป็นความเท็จซึ่งดูหมิ่นจรรยาบรรณในวิชาชีพสื่อและปัญญาชนของผมอย่างน่าละอาย

ความเห็นของผมต่อรัฐบาลนี้ขีดเส้นที่การวิจารณ์ผลงานอย่างตรงไปตรงมา ผมไม่โจมตีเรื่องเผด็จการ ไม่พูดเรื่องท่านมาจากรัฐประหาร ไม่แตะเรื่องบุคลิกภาพ และไม่ฉวยโอกาสใช้เรื่องไม่มีมูลเพื่อใส่ร้ายรัฐบาล

สำหรับรัฐบาลนี้ ผมเห็นว่าผลงานท่านมีปัญหาเหมือนรัฐบาลอื่นๆ ผมวิจารณ์รัฐบาลท่านเหมือนวิจารณ์รัฐบาลยิ่งลักษณ์เรื่องผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม และรัฐบาลอภิสิทธิ์สลายการชุมนุมสมัยพี่ผมเป็นรัฐมนตรี

ผมมั่นใจว่าผมทำหน้าที่ “เป็นกลาง” มากที่สุดเท่าที่คนซึ่งทำหน้าที่แบบผมจะทำได้ นั่นคือพูดเรื่องที่รัฐบาลผิด, ชมเรื่องที่รัฐบาลทำดี และไม่สร้างวาทกรรมประเภทรัฐบาลเผด็จการทำทุกอย่างผิดทุกกรณี

ล่าสุด กระทั่งเรื่องกฎหมายสวัสดิการประชารัฐที่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลโจมตีว่า “แจกเงิน” ผมแสดงความเห็นว่านี่คือกฎหมายดีซึ่งจะเป็นมรดกให้คนจดจำคุณประยุทธ์เหมือนจำคุณทักษิณเรื่องบัตรทอง

ผมรู้ว่าตัวเองทำงานสื่อในช่องซึ่งคนมองว่ามีค่ายทางการเมือง แต่งานทีวีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของงานที่ผมทำกับองค์กรอื่นอีกมาก

เฉพาะเรื่องทีวีนั้น คนในวิชาชีพนี้คนไหนก็เลือกเจ้าของไม่ได้ แต่ที่เราทำได้คือไม่ให้การทำหน้าที่สื่อกลายเป็นกระบอกเสียงของเจ้าของเงิน

ผมชี้แจงเรื่องทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดข่าวว่าผมหายไปจากหน้าจอเพราะ “ต่อต้านรัฐบาล” หรือ “ถูกแบน” เพราะข้อเท็จจริงคือผู้สั่งไม่ได้บอกว่าผมโจมตีใคร, ผิดอะไร และผมไม่มีพฤติกรรมแบบนั้นในความเป็นจริง

ความพยายามกำจัดผมมาจากการพูดอย่างไม่เป็นทางการในเรื่องที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง การหายไปจากหน้าจอไม่ใช่เพราะผมทำผิด แต่เพราะการข่มขู่ของผู้มีอิทธิพลผ่านบุคคลบางตำแหน่งโดยใช้ความเสียหายของหลายคนเป็นเครื่องมือ

สำหรับทุกท่านที่มีไมตรีกับผมในวิชาชีพสื่อ, อาจารย์มหาวิทยาลัย, นักการเมือง, อดีตนายก, คนทำงานศิลปะ, พระภิกษุ, สถาบันการเงิน, พี่น้องมุสลิม, NGOs, องค์กรระหว่างประเทศ ฯลฯ การหายไปของผมคือหลักฐานว่าประเทศมีการใช้อิทธิพลกำจัดคนเห็นต่าง พฤติกรรมนี้กระทำโดยอำเภอใจ และกระบวนการนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอย่างสิ้นเชิง

สำหรับผู้มีอำนาจซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับการกดดันให้ผมหายไป กรณีผมเป็นตัวอย่างว่ามีคนใช้ความใกล้ชิดท่านเป็นอิทธิพลในการข่มเหงผู้อื่น ความไม่เป็นธรรมในนามท่านจะทำให้มีคนไม่พอใจท่านมากขึ้น และท่านไม่ควรเสียหายจากการใช้อิทธิพลสกปรกซึ่งท่านไม่ได้กระทำ

สำหรับคนที่อาจจะพล่ามว่าผมโดนกดดันเพราะ “ต่อต้านรัฐบาล” หรือพูดจาอะไรไม่ดี เมื่ออ่านเรื่องนี้แล้วโปรดหุบปากด้วย เพราะเรื่องที่องค์กรคุมสื่อมีปัญหานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับผมอย่างสิ้นเชิง

ผมไม่อยู่ในสถานะที่รู้ว่าการหายไปจากจอทีวีจะเกิดในเงื่อนไขไหนและนานเท่าใด ผมสื่อสารข้อความนี้เพื่อให้ทุกท่านที่มีมิตรภาพกับผมรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น และถ้าทำได้ก็ช่วยกันหาทางหยุดเรื่องแบบนี้ลง

ผมเชื่อว่าเราทุกคนรักประเทศนี้ และเราทุกคนรู้ว่าประเทศนี้ดีเกินกว่าจะปล่อยให้ผู้มีอิทธิพลทำแบบนี้กับใครแม้แต่คนเดียว

ผู้มีอำนาจจะโกรธที่ผมพูดความจริงก็ได้ แต่อีกกี่ชาติผมก็ไม่มีวันใช้พื้นที่สาธารณะพูดความเท็จกับประชาชน

อย่าปล่อยให้เรื่องแบบนี้จบด้วยความเงียบ เพราะทุกครั้งที่เรื่องนี้เงียบคือการเปิดทางให้ผู้มีอำนาจทำแบบนี้ต่อไป

ด้วยภราดรภาพแห่งการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน