“มาร์ค”สวน“จ้อน”กฎ5ข้อล้วนอยู่ในนโยบายพรรค ยันปฎิรูปปชป.เริ่มทำแล้วตั้งแต่ก่อนรปห.

“มาร์ค” สวน “จ้อน” ชี้ กฎเหล็ก 5 ข้อที่เสนอมา อยู่ในนโยบายพรรคปชป.ทั้งนั้น แจง เรื่องปฏิรูปก็เคยทำก่อนถูกรัฐประหารไม่กี่เดือน ยัน ประชาธิปัตย์ ไม่มีใครมาสถาปนาตัวเองเป็นเจ้าของได้

เมื่อวันที่ 13 กันยายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคปชป.โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมผ่านแอพลิเคชั่น และเปิดโอกาสให้คนนอกได้มีโอกาสได้เข้ามาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ก็อาจจะมีการไปวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์อะไรต่างๆ ตนก็บอกว่าไม่ต้องไปคิดอะไรซับซ้อน เรากำลังทำสิ่งที่ตรงไปตรงมา เป็นพัฒนาการของพรรคการเมืองไทย แทนที่จะมาตั้งคำถามว่าทำไมเราทำอย่างนี้ ตนว่าเราน่าจะกลับไปถามว่าทำไมทุกพรรคไม่ทำอย่างนี้ เพราะจะได้ทำให้ทุกพรรคการเมืองเป็นของสมาชิกอย่างแท้จริง อีกเรื่องคือการมองว่าต้องมีความแตกแยก ถ้าเราคิดอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่เราจะสนับสนุนประชาธิปไตยให้มันเกิดขึ้นในพรรคการเมือง พรรคไหนพอมีการแข่งขัน เราจะต้องไปบอกว่า แตกแยกกัน ขัดแย้งกัน แล้วจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ถ้าจะรอไปตกลงกันเองหรือให้เจ้าของสั่งก็จะได้ดูเรียบร้อยไม่ขัดแย้งอย่างนั้นหรือ เพราะฉะนั้น ตนก็อยากจะยืนยันตรงไปตรงมาว่า นี่คือแนวคิดของเรา ที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาการเมืองต่อไป

“คำว่าพรรคปชป.นี้ ไม่มีใครมาผูกขาดความเป็นหัวหน้าได้ หัวหน้าปชป.ไม่ว่าจะท่านใดก็ตามไม่มีใครเป็นเจ้าของพรรค ไม่มีใครสถาปนาตัวเองขึ้นมาได้ มีแต่การผ่านการเลือกของตัวแทนของสมาชิก เพราะฉะนั้นมันไม่มีเรื่องผูกขาด มีคนเคยถามว่า แล้วเป็นได้อย่างไรตั้ง 13 ปี ผมก็บอกว่ามีการเลือกเมื่อครบวาระ กรณีของผมที่ผ่านมาเมื่อพรรคฯ ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ประกาศไว้ ผมก็ลาออกก่อนวาระด้วยซ้ำ แล้วก็ปล่อยให้สมาชิกมีเวลาคิด เมื่อปี 54 แพ้การเลือกตั้ง ผมก็ลาออกไม่เข้าพรรคฯเป็นเวลา 7 – 10 วัน เพราะฉะนั้นวันนี้ก็เหมือนกัน คือหัวหน้าพรรคปชป.มีหน้าที่รับใช้พรรคฯ อะไรที่ดีกับพรรคฯ ผลจะเกิดกับตัวจะเป็นอย่างไรนั้นเราต้องคิดถึงพรรคฯ ก่อน ผมก็คิดว่าเป็นโอกาสดี เพราะว่า ในช่วงที่ผ่านมาจากสถานการณ์การเมืองพรรคฯ ก็ถูกกล่าวหาเยอะ ดังนั้นผมว่าการเปิดให้สมาชิกมาเลือกในวงกว้าง รวมไปถึงความเป็นไปได้ที่จะมีคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกมาร่วมแข่งขันตามกติกาที่เราวาง ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำให้ประชาชนได้มองเห็น และมั่นใจว่าทิศทางของพรรคปชป.ว่าคืออะไร” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้นถ้านายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคปชป. สนใจที่จะสมัคร หรือมีคนไปสนับสนุนให้สมัครก็สามารถมาได้ตามกติกาได้ ตนก็ไม่สบายใจที่เกิดวิวาทะกันขึ้น มีการสัมภาษณ์พาดพิงกันไปกันมา ยืนยันว่ากระบวนการนี้เราต้องการเปิด แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องขอความเป็นธรรมจากนายอลงกรณ์ด้วย เพราะว่านายอลงกรณ์เมื่อพูดกลับมาก็มี 2 เรื่องที่ตนคิดว่าจำเป็นต้องชี้แจง 1.เรื่องของการปฏิรูปพรรคฯ ทำนองว่าเคยเสนอแล้วเหมือนพรรคฯ ไม่ได้ทำ ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ก็คือว่า นายอลงกรณ์ได้เป็นผู้เสนอจริง และตนในฐานะหัวหน้าพรรคฯ ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อปฏิรูปพรรคฯ ขึ้น และนายอลงกรณ์ก็เป็นกรรมการปฏิรูปด้วย ส่งรายงานมาให้ตนเรียบร้อย ตนก็เสนอเข้าที่ประชุมใหญ่แก้ข้อบังคับตามนั้นด้วยเพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วก็ได้ทำ เพียงแต่ว่าการแก้ข้อบังคับไปเสร็จเอาประมาณก่อนการรัฐประหารเพียงไม่กี่เดือน เพราะฉะนั้นเดี๋ยวคนจะไปเข้าใจผิดว่าที่ผ่านมาไม่ได้ทำ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า และ 2.ตนก็ไม่สบายใจที่นายอลงกรณ์พูดถึง 5 เงื่อนไข จึงอยากบอกว่าสมมติว่านายอลงกรณ์ตัดสินใจที่จะเข้ามาสู่กระบวนการของพรรคฯ ตรงนี้เป็นประเด็นที่ดีครับ ในการหยิบยกขึ้นมา แต่ตนยืนยันว่า 5 ประเด็นที่พูดนี้ก็เป็นทิศทางที่ตนเองยึดถือ พยายามปฏิบัติ ยืนยันว่าหลายข้อเป็นส่วนหนึ่งของอุดมการณ์ของพรรคปชป.อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความซื่อสัตย์ เรื่องของการต่อต้านการซื้อเสียง ไม่ให้มีการครอบงำซื้อกิจการอะไรต่างๆ เพราะฉะนั้นอยากยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นอุดมการณ์ แล้วถ้าเกิดนายอลงกรณ์ว่าจะเป็นทิศทางที่ดี ตนก็เห็นด้วย แต่ว่าคงไม่ใช่เรื่องที่บอกว่าเป็นเงื่อนไข เพราะมันคือเรื่องที่เรากำลังจะพยายามทำให้สมบูรณ์