“พิชัย” ย้ำ เห็นประโยชน์ของชาติจึงออกมาเตือน ไม่อยากให้เสียหายอีก ถ้าปลดล็อกจะเสนอนโยบาย ปชช.มั่นใจได้

“พิชัย” ย้ำ เห็นประโยชน์ของชาติจึงออกมาเตือน ไม่อยากให้ประเทศเสียหายอีก และ อยากให้ประชาชนมั่นใจ ทักษิโณมิกส์ เวอร์ชั่นใหม่ ที่จะพัฒนาประเทศหลังเลือกตั้ง

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สาเหตุที่ตนเสนอแนะและวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจนี้ เป็นเหมือนการเตือนให้ทุกคนในประเทศตระหนักว่า ประเทศไทยได้เสียโอกาส และ เสียหายทางเศรษฐกิจไปมากแล้ว เพราะหากไม่มีการประท้วงปิดกรุงเทพฯ และ ไม่มีปฏิวัติ เศรษฐกิจไทยต้องดีกว่านี้อย่างแน่นอน ประชาชนต้องมีรายได้เพิ่มและมีความสุขกว่านี้แน่ จึงไม่อยากให้มีการประท้วงและนำมาสู่การปฏิวัติอีกในอนาคต และขอให้ปล่อยให้ระบอบประชาธิปไตยได้ทำงานอย่างเต็มที่ ประเทศก็จะไม่เสียหาย เศรษฐกิจก็จะก้าวหน้าไปได้ ยกตัวอย่างในประเทศมาเลเซีย ที่ผู้นำรัฐบาลชุดก่อนมีข้อครหาการทุจริตกันมากโดยเฉพาะในเรื่องกองทุน 1 เอ็ดดีบี ประชาชนมาเลเซียไม่พอใจกันมาก ผู้นำก็ไม่ยอมลาออกและยังลงสมัครรับเลือกตั้งแข่งอีก สุดท้ายประชาชนก็ลงโทษโดยลงคะแนนเลือกฝ่ายค้านจนชนะการเลือกตั้ง เป็นต้น ประชาชนไทยก็ไม่ได้ฉลาดน้อยไปกว่าประชาชนมาเลเซีย และแม้แต่ในสหรัฐก็มีประชาชนสหรัฐไม่พอใจประธานาธิบดี ทรัมป์ กันเป็นจำนวนมาก เขาก็จะรอจนกว่ามีการเลือกตั้ง เศรษฐกิจเขาก็ไม่กระทบแถมยังดีมากด้วย ก็อยากให้ประเทศไทยเรียนรู้จากบทเรียนเหล่านี้ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้และไม่เกิดความเสียหายอีก ซึ่งหากย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2549 จะพบความเสียหายยิ่งมากมายเป็นทวีคูณ และหากจำกันได้ว่าก่อนการเลือกตั้งปี 2554 พรรคเพื่อไทยได้เสนอวิสัยทัศน์ 2020 ไว้ ซึ่งเป็นแนวคิดตามแนวทางทักษิโณมิกส์ในสมัยนั้น ซึ่งจะปรับปรุงประเทศในทุกด้านอีกทั้งเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ทั้งเกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน พ่อค้า แม่ค้า คนระดับรากหญ้า คนระดับกลางและคนระดับบนจะได้รับประโยชน์กันทั้งหมด แต่การพัฒนาต้องมาหยุดลงหลังเกิดการปฏิวัติ

ดังนั้น อยากให้ประชาชนได้มั่นใจว่า แนวคิดทักษิโณมิกส์ เวอร์ชั่นใหม่ ที่ปรับปรุงตามสภาวะแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนแปลง และ มีเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามาเสริม ที่จะนำประเทศไทยก้าวหน้าต่อไปทัดเทียมกับนานาชาติได้ โดยเมื่อมีการปลดล๊อก ตนจะเสนอให้พรรคได้พิจารณาเพื่อนำเสนอเป็นนโยบายของพรรคเพื่อให้ประชาชนได้ทราบและมั่นใจในการตัดสินใจลงคะแนนในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในต้นปีหน้านี้ ทั้งนี้ นายพิชัย แจ้งว่ายังไม่ได้มีการติดต่อเรื่องการถูกเรียกตัวครั้งที่ 12 ตามที่ตนนับ หรือ ครั้งที่ 16 ตามที่พลเอกประยุทธ์นับแต่อย่างใด (พลเอกประยุทธ์อาจจะนับ 3-4 ครั้ง ที่มีการเรียกตัวแต่แล้วก็มีการยกเลิกด้วย)