“เซ็นทรัล” ขยายแนวยึดภูเก็ต ทุ่มปูพรม 4 สาขา ดัน “พอร์ตห้าง” เข้าตลาดหุ้น

“ทศ จิราธิวัฒน์” เปิดแผนเซ็นทรัลยึดภูเก็ต สนามรบใหม่ยุทธศาสตร์สำคัญค้าปลีก-ท่องเที่ยว เร่งลงทุน 4 ศูนย์การค้าปูพรมเต็มทุกพื้นที่ เผยธุรกิจห้างสรรพสินค้าเข้าตลาดหุ้น “มีความเป็นไปได้” ออกตัวไม่ถนัดธุรกิจดิวตี้ฟรี ตลาดขาใหญ่แข่งดุเดือด

“ภูเก็ต” ทำเลเนื้อหอมและกลายเป็นทำเลยุทธศาสตร์ของกลุ่มธุรกิจที่ต้องการเข้าไปลงทุนรองรับการเติบโตในอนาคต เช่นเดียวกับความเคลื่อนไหวของ “กลุ่มเซ็นทรัล” ที่เตรียมลงทุนสยายปีกปักหมุดศูนย์การค้าในทุกพื้นที่ของภูเก็ต

เติม 4 ศูนย์การค้าคุมทุกพื้นที่

นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลให้ความสำคัญกับการเข้าไปลงทุนในภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง โดยจะเป็นตลาดที่สำคัญเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจและนักท่องเที่ยว โดยตามแผนการลงทุนจากนี้ กลุ่มเซ็นทรัลจะมีศูนย์การค้าในภูเก็ต 4 แห่ง โดย 2 แห่งที่เป็นเฟสการลงทุนต่อเนื่อง 2 หมื่นล้านบาท จะเปิดในเดือนกันยายนนี้ภายใต้การลงทุนของเซ็นทรัลพัฒนาและอีก 2 แห่งจะเป็นการลงทุนของเซ็นทรัลกรุ๊ป เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของตลาด และรองรับนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ 2 โครงการใหม่ศูนย์การค้าภูเก็ตจะเริ่มลงทุนปีหน้าด้วยเงินลงทุนกว่าพันล้านบาท ขนาดพื้นที่ต่อแห่ง 40-50 ไร่

“เรามีที่เก็บไว้แต่ยังไม่ขอประกาศ ภูเก็ตใหญ่มากถ้าเทียบแล้วก็เท่าสิงคโปร์ เมืองมันเจริญไปเรื่อย ๆ ทิศเหนือ ใต้ ออก ตก ภาคธุรกิจ ภาคเซอร์วิส สามารถทำอะไรได้อีกเยอะมาก จะว่าไปภูเก็ตก็เป็นเหมือนประเทศประเทศหนึ่งได้เลย การลงทุนโฟกัสไปทางทัวริสต์ การลงทุนของเราจะทยอยทำไปเรื่อย ๆ”

ศึกษาเอาธุรกิจห้างเข้าตลาด

หัวเรือใหญ่เซ็นทรัลกรุ๊ป กล่าวถึงแนวคิดที่จะเอาบียูห้างสรรพสินค้าเข้าตลาดหุ้นว่า ตอนนี้ยังตอบไม่ได้หรอกว่าจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ของพวกนี้เราต้องศึกษาอยู่แล้ว

หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่า เซ็นทรัลกรุ๊ปกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยทางกรุ๊ปอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างในกลุ่มธุรกิจรีเทล ซึ่งปัจจุบันกลุ่มเซ็นทรัลเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้า อาทิ เซ็นทรัล, เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, เซ็น, ซูเปอร์สปอร์ต, โรบินสัน และยังรวมไปถึงห้างในต่างประเทศ เช่น ลา รีนา-เซนเต้, อิลลุม ตลอดจนบิ๊กซี ในเวียดนาม

โดยคาดการณ์กันว่าไซซ์ของ IPO ในครั้งนี้จะมีมูลค่าอาจสูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานของเซ็นทรัลกรุ๊ปในปีนี้ มีการตั้งเป้าหมายไว้ที่ 3.97 แสนล้านบาท โดยจะมาจากยอดขายของค้าปลีกเป็นสัดส่วนถึง 40%

ชั่งใจ “ดิวตี้ฟรี” แข่งเดือด 

นอกจากนี้ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวถึงความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีสนามบินว่า ขอรอดูทีโออาร์และดูหลายอย่างประกอบกันเพื่อตัดสินใจ รวมถึงจำนวนผู้ประกอบการ ซึ่งในตลาดนี้ต้องยอมรับว่าเป็นรายใหญ่ และมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้ ทั้งผู้ประกอบการในประเทศและต่างประเทศ ทำให้การแข่งขันร้อนแรงและดุเดือด