สรุปข่าวในประเทศ : ผบ.ทบ.ไม่ห่วงป่วนหลังคลายล็อก/ สนช.โอ่ 4ปี ออก กม.300 ฉบับ/ “บิ๊กตู่” ขอคนไทยทำถูก กม. สะพัดข่าวลือเกาหลีใต้เลิกวีซ่า

ผบ.ทบ.ไม่ห่วงกลุ่มใดป่วน หลังคลายล็อกพรรคการเมือง

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการคลายล็อกพรรคการเมืองว่าจะทำให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมได้ เช่น การหาสมาชิกเพิ่ม การประชุมพรรค การคัดเลือกหัวหน้าพรรค การแก้ไขข้อบังคับ ส่วนการหาเสียงยังไม่สามารถทำได้ ต้องรอร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีผลบังคับใช้ก่อน ส่วนการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงคลายล็อกพรรคการเมืองนั้น เท่าที่ดูสถานการณ์ไม่ได้มีอะไร เพราะอนุญาตให้ทำกิจกรรมการเมืองได้ ทุกฝ่ายมุ่งสู่การเลือกตั้ง ก็คงมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่สิ่งที่ห่วงใยก็คือการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จทางโซเชียลต่างๆ ซึ่งนำไปสู่การโจมตีกันและกันจึงต้องขอความร่วมมือ

“ผมไม่ห่วงกลุ่มใด เพราะทุกฝ่ายมุ่งสู่การเลือกตั้งตามกรอบที่กำหนด ความวุ่นวายไม่น่าจะมีปัญหาใด ซึ่งในภาพรวมการดูแลด้านความมั่นคง เท่าที่ทราบก็ไม่มีอะไรน่ากังวล เชื่อมั่นว่าบ้านเมืองจะเรียบร้อยนำไปสู่การเลือกตั้งได้ ทั้งนี้ ผมได้กำชับกำลังพลให้ตระหนัก รู้บทบาทของตัวเองเป็นข้าราชการ บทบาทในการยืนอยู่ในจุดที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเลื่อนเลือกตั้งออกไป เพียงกำหนดกรอบไว้อย่างเร็วที่สุด 24 กุมภาพันธ์ และอย่างช้าไม่เกิน 5 พฤษภาคม ปี 2562” พล.อ.เฉลิมชัยกล่าว

สนช.โอ่ 4 ปี ออก กม.เกือบ 300 ฉบับ พ.ร.บ.งบปี “62 เสร็จเตรียมลง “มติ” วาระ 2-3

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่รัฐสภา นายยุทธนา ทัพเจริญ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) แถลงว่า ในวันที่ 30 กันยายนนี้ สนช.จะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท ในวาระสองและสาม ซึ่งผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เรียบร้อยแล้ว โดยใช้เวลาในการพิจารณาเสร็จสิ้นประมาณ 16.00 น. ซึ่งขณะนี้มีผู้แปรญัตติอภิปรายประมาณ 20 คน

ด้านนายสมชาย แสวงการ เลขานุการวิป สนช. แถลงว่า ขณะนี้ สนช.ทำหน้าที่ครบ 4 ปีแล้ว โดยจะมีการแถลงผลงานของคณะกรรมาธิการสามัญ 16 คณะ และคณะกรรมาธิการวิสามัญอีก 1 คณะในวันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน ระหว่างเวลา 09.00-11.30 น. โดยประมาณ ทั้งนี้ จะเชิญภาคส่วนต่างๆ เข้ารับฟังการแถลงผลงานด้วย อย่างไรก็ตาม กฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของ สนช.ในขณะนี้ 300 ฉบับ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 294 ฉบับ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการในวาระ 2 และ 3 จำนวน 30 ฉบับ จึงไม่มีกฎหมายค้างท่อเหมือนอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์


นายกฯ แจงเหตุตั้งกรรมการดูแล เลิก-ไม่เลิก “3 สารเคมีเกษตร”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายในการพิจารณายกเลิกการนำเข้าและใช้สารเคมีพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเสต ว่า เรื่องสารเคมีทางการเกษตร รัฐบาลพยายามแก้ปัญหามาโดยตลอด ถ้าเรามองมุมเดียวก็ใช่ แต่รัฐบาลนี้เจตนามุ่งมั่นจะดูแลผู้บริโภคอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะเห็นได้จากที่รัฐบาลเร่งรัดการดำเนินการเรื่องเกษตรอินทรีย์แม้จะมีบางพื้นที่ยังทำไม่ได้ เพราะมีการใช้สารเคมีต่างๆ มาตลอด แต่ก็เริ่มลดลง การใช้ลงไปเป็นสินค้าปลอดภัย (จีเอ็มพี) ก่อนจะไปเป็นสินค้าอินทรีย์

และว่า การปรับลดการใช้สารเคมีไม่ยาก วันนี้ต้องไปพิจารณาทบทวนทั้งหมด โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้แล้ว ดังนั้น รัฐบาลในฐานะที่อยู่ตรงกลางต้องมีการดำเนินการ 2 ทางคือ จำเป็นต้องคุ้มครองผู้บริโภค โดยดำเนินการทั้งจีไอพี-อินทรีย์ และต่อไปก็ต้องมาดูว่าภาคการเกษตรต้องการอะไร ถ้าร้องเรียนว่าไม่มีแรงงาน ขาดแรงงานด้านการเกษตร มีปัญหาเรื่องการกำจัดวัชพืช รัฐบาลก็ต้องไปหาอะไรที่มาชดเชย ทดแทนการกำจัดวัชพืชซึ่งกำลังให้มีการทดลอง ที่เห็นก็มีทั้งที่คนไทยผลิตออกมาแล้วใช้ได้จริงหรือไม่ ต้องมองทั้ง 2 อย่าง แต่ท้ายที่สุดเจตนารมณ์ของรัฐบาลต้องคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด ดังนั้น ทุกอย่างต้องมีวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ให้เกิดความชัดเจนให้ได้โดยเร็วที่สุด

“บิ๊กตู่” ให้คนงานไทยต่างแดนทำถูก กม. สะพัดเกาหลีใต้จ่อถกเลิกวีซ่าไทย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อ 28 สิงหาคม กรณีกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้มีแนวคิดยื่นเรื่องพิจารณายกเลิกนโยบายฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวชาวไทย หลังมีคนไทยลอบเข้ามาทำงานผิดกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้ว่า “คนไทยต้องเคารพกติกาของเขา ไปทำงานประเทศใดก็ต้องเคารพกติกาประเทศเขา ประเทศเราเช่นกัน ใครไม่มีวีซ่าแล้วมาทำงานก็ต้องจับกุมดำเนินคดีเหมือนกันหมด ทุกประเทศมีกฎหมายของตัวเอง จึงขอเตือนคนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายก็จบแล้ว หลายเรื่องเราเอามาพันกันไปหมด โดยเฉพาะคนมีรายได้น้อยที่เป็นประเด็นสำคัญ ไม่ว่าจะรายได้น้อย รายได้สูง รายได้ปานกลาง ก็ต้องเคารพกฎหมายตัวเดียวกันทั้งหมด”

อย่างไรก็ตาม นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เท่าที่ได้ทราบข้อมูลและจากการรายงานจากเจ้าหน้าที่กระทรวง พบว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ความจริง เป็นความเข้าใจผิด ข่าวที่ออกมาตามสื่อต่างๆ เป็นข่าวผิด