‘เรืองไกร’ จี้ ‘บิ๊กตู่’ ตามผลสอบข้าวหายจากบัญชีล้านตัน งง ข้าวเก็บมาสิบปียังขายได้

“เรืองไกร” จี้ “บิ๊กตู่” ตามผลตรวจสอบ หลังข้าวสารหายจากบัญชีเกือบล้านตัน ถาม ถ้าข้าวปี 51-52 ยังขายได้ ทำไมจึงบอกว่าข้าวยุค “ยิ่งลักษณ์” เสื่อมสภาพ

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้ตรวจสอบการจะจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐ จำนวน 245,077 ตัน และ 22,341 ตัน ในวันที่ 29 และ 30 สิงหาคม 2561 ว่า ข้าวสารจำนวนนี้มีการทำบัญชีหรือปิดบัญชีเป็นรายโครงการหรือไม่ และข้าวที่หายไปจากบัญชีประมาณ 1 ล้านตัน มีการตรวจสอบได้ผลเป็นที่ยุติแล้วหรือไม่ และหน่วยงานของรัฐใดเป็นผู้รับผิดชอบอย่างเป็นทางการในการลงบัญชีและปิดบัญชีเกี่ยวกับข้าวสารในสต๊อกของรัฐ

นายเรืองไกรกล่าวว่า หากพิจารณารายการข้าวสารที่จะเปิดจำหน่าย พบว่าข้าวสารส่วนใหญ่เป็นข้าวในโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อดูในรายละเอียดพบว่าข้าวทั้ง 2 ส่วน นี้ มีข้าวนาปรัง 2551 ซึ่งเป็นข้าวปทุมธานี จำนวน 27 ตัน อยู่ที่คลังสินค้าซึ่งเข้าร่วมกับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จ.ชัยนาท และมีข้าวนาปี 2551/52 ซึ่งเป็นข้าวขาว 15 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่คลังสินค้าซึ่งเข้าร่วมกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) จ.สงขลา จำนวน 37 ตัน และมีข้าวนาปรัง 2551 ที่เป็นข้าวปทุมธานี อยู่ที่คลังสินค้า อ.ต.ก. จ.นครสวรรค์ จำนวน 90 ตัน รวมอยู่ด้วย ซึ่งทั้ง 3 รายการดังกล่าวน่าจะเป็นข้าวสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงเกิดคำถามว่าถ้าข้าวทั้ง 3 รายการรวมกันประมาณ 154 ตัน ยังคงเหลืออยู่ให้นำมาประมูลขายได้ แสดงว่าข้าวสามารถเก็บไว้ได้นาน ไม่ได้เสื่อมสภาพเร็ว ดังนั้น การกล่าวว่าข้าวในโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีการเสื่อมสภาพเป็นจำนวนมาก อาจมีข้อพิรุธน่าสงสัย

นายเรืองไกรกล่าวว่า ส่วนกรณีมีข่าวระบุว่ามีข้าวหายไปจากบัญชีการตรวจนับปริมาณรวม 9.4 แสนตัน แต่หากพิจารณาจากข้อมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศนำออกมาประมูลในแต่ละครั้ง แสดงว่าต้องมีบัญชีให้ตรวจสอบได้ และข้าวที่หายไปจากบัญชีเกือบล้านตันก็ต้องตรวจสอบได้เช่นกันว่าเป็นข้าวชนิดใด อยู่ในคลังสินค้า อคส. หรือ อ.ต.ก.จำนวนเท่าใด แยกเป็นคลังสินค้าจังหวัดใดบ้าง เพราะเมื่อคสช.เข้ามาบริหารประเทศ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำบัญชีข้าวคงเหลือของรัฐตามคำสั่ง คสช.ที่ 176/2557 และตามรายงานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่ 2/2557 ระบุมีข้าวคงเหลือ 18.7 ล้านตัน แต่หลังจากนั้น กรมการค้าต่างประเทศได้แถลงผลการระบายข้าว มีข้าวหายไป 9.4 แสนตัน จึงต้องการทราบว่าใครเป็นผู้ทำบัญชีข้าว เนื่องจากอธิบดีกรมบัญชีกลางเคยชี้แจงว่าไม่มีการทำบัญชีรายโครงการ จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ตรวจสอบเรื่องข้าวหายไปจากบัญชีว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ใครต้องรับผิดชอบ และมูลค่าความเสียหายเท่าใด รวมทั้งถามว่า เหตุใดข้าวที่เก็บมาสิบปียังสามารถนำมาขายได้ และเมื่อกรมการค้าต่างประเทศขายข้าวสารแล้ว หน่วยงานใดรับผิดชอบในการลงบัญชี และเงินที่ขายได้ถูกนำไปไหน

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า ส่วนที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ระบุว่าตนตั้งคำถามในคดีข้าวทั้งที่มีคำพิพากษาออกมาแล้วนั้น ต้องชี้แจงว่าเป็นเพียงการนำข้อมูลที่อยู่ในคำพิพากษามาตรวจสอบกับบัญชีของรัฐบาล เพราะเห็นว่าไม่มีการลงบัญชี จึงต้องตั้งคำถามมายังรัฐบาลเท่านั้น ไม่มีเจตนาก้าวล่วงคำพิพากษาแต่อย่างใด