นิด้าโพล เผยผลสำรวจ “4 ปี ประยุทธ์นั่งนายกฯ” ร้องแก้ศก.-ปากท้อง-ราคาสินค้าเกษตร

เนื่องในการทำงานครบรอบ 4 ปี ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “4 ปี ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 20 – 23 สิงหาคม 2561 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,291 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความพึงพอใจต่อการทำงานของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะรัฐมนตรี

จากการสำรวจ เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการดำรงตำแหน่งครบ 4 ปี ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ประชาชน ร้อยละ 22.15 ระบุว่า ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ดีมาก เพราะมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนระบบการบริหารงานได้ดี มุ่งหวังพัฒนาประเทศ และพร้อมจะช่วยเหลือประชาชน ขณะที่บางส่วนระบุว่า มีผลงานหลายอย่างที่ประสบความสำเร็จและเห็นเป็นรูปธรรม เช่น บ้านเมืองสงบเรียบร้อยขึ้น ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 48.96 ระบุว่า ทำงานในตำแหน่งนายกฯได้ค่อนข้างดี เพราะมีความชัดเจนในการบริหาร มีนโยบายช่วยเหลือประชาชน เอาจริงเอาจังและมีความเป็นผู้นำ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ทำงานดี บริหารบ้านเมืองได้ดี ไม่วุ่นวาย สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งลงได้ ร้อยละ 18.28 ระบุว่าทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ไม่ค่อยดี เพราะการทำงานยังมีจุดบกพร่อง เศรษฐกิจไม่ดี ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ รัฐบาลไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน และมีการปกป้องพวกพ้อง ร้อยละ 9.53 ระบุว่าทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ไม่ดีเลย เพราะบ้านเมืองยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การบริหารงานต่าง ๆ ล่าช้า ไม่สามารถทำตาม Road map ได้ มีการเลือกพวกพ้อง ไม่มีความเสมอภาค และเศรษฐกิจย่ำแย่ และร้อยละ 1.08 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 พบว่า เมื่อรวมสัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า ทำงานได้ค่อนข้างดีและดีมาก พบว่า มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า ทำงานได้ไม่ค่อยดี จนถึงระดับไม่ดีเลย มีสัดส่วนลดลง

เมื่อถามถึงลักษณะการทำงานในรอบ 4 ปี ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในด้านต่าง ๆ พบว่า ด้านอุดมการณ์ในการทำงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.46 ระบุว่า มีอุดมการณ์และความตั้งใจทำงานเพื่อชาติและประชาชน รองลงมาร้อยละ 18.90 ระบุว่า ไม่มีอุดมการณ์ คิดแต่จะทำงานเพื่อรักษาอำนาจของตนเองและ คสช. เท่านั้น และร้อยละ 3.64 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 พบว่า มีสัดส่วนของผู้ที่ ระบุว่า มีอุดมการณ์เพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า ไม่มีอุดมการณ์ มีสัดส่วนลดลง

ด้านความกล้าตัดสินใจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.61 ระบุว่า มีความกล้าตัดสินใจ ในประเด็นทางการเมืองและการบริหารที่สำคัญ ขณะที่ ร้อยละ 19.60 ระบุว่า ไม่มีความกล้าตัดสินใจในประเด็นทางการเมืองและการบริหารที่สำคัญ และร้อยละ 2.79 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 พบว่า มีสัดส่วนของ ผู้ที่ระบุว่า มีความกล้าตัดสินใจเพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า ไม่มีความกล้าตัดสินใจ มีสัดส่วนลดลง

ด้านบุคลิกภาพผู้นำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 74.52 ระบุว่ามีบุคลิกภาพผู้นำแบบทหาร รองลงมา ร้อยละ 15.10 ระบุว่า มีบุคลิกภาพผู้นำแบบประชาธิปไตย ร้อยละ 8.29 ระบุว่า มีบุคลิกภาพผู้นำแบบก้ำกึ่ง ทั้งผู้นำแบบประชาธิปไตยและผู้นำแบบทหาร และร้อยละ 2.09 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 พบว่า มีสัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า มีบุคลิกภาพผู้นำแบบทหารมีสัดส่วนลดลง ซึ่งในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า มีบุคลิกภาพผู้นำแบบประชาธิปไตย และมีบุคลิกภาพผู้นำแบบก้ำกึ่ง ทั้งผู้นำแบบประชาธิปไตยและผู้นำแบบทหาร มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

ด้านประสิทธิภาพในการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 67.93 ระบุว่า มีประสิทธิภาพในการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศ ขณะที่ ร้อยละ 29.13 ระบุว่าไม่มีประสิทธิภาพในการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศ และร้อยละ 2.94 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 พบว่า มีสัดส่วนของ ผู้ที่ระบุว่า มีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน มีสัดส่วนลดลง

ด้านความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในการทำงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 60.19 ระบุว่า การทำงานมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ขณะที่ ร้อยละ 29.28 ระบุว่า การทำงานไม่มีความโปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ และร้อยละ 10.53 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 พบว่า มีสัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า การทำงานมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้เพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า การทำงานไม่มีความโปร่งใส ตรวจสอบไม่ได้ มีสัดส่วนลดลง

ส่วนข้อเสนอแนะที่อยากให้ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรับปรุงการบริหารราชการแผ่นดิน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 36.48 ระบุว่าเป็นเรื่อง เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ปัญหาปากท้อง ความเป็นอยู่ หนี้สินของประชาชน และราคาพืชผลทางการเกษตร รองลงมา ร้อยละ 16.20 ระบุว่าเป็นเรื่อง การทำงานของภาครัฐ มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีธรรมาภิบาลและมีกลไกป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน และการใช้อำนาจโดยมิชอบ ร้อยละ 9.91 ระบุว่าเป็นเรื่อง การให้บริการของภาครัฐ ต้องสะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ชีวิตประชาชน ร้อยละ 4.03 ระบุว่าเป็นเรื่อง การปลดล็อคทางการเมือง จัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ร้อยละ 3.10 ระบุว่าเป็นเรื่อง ระบบบริหารงานบุคคลที่สามารถดึงดูด สร้างและรักษาคนดีคนเก่งไว้ในภาครัฐได้ ร้อยละ 2.71 ระบุว่าเป็นเรื่อง โครงสร้างภาครัฐกะทัดรัด ปรับตัวได้เร็วและระบบงานมีผลสัมฤทธิ์สูง ร้อยละ 2.09 ระบุว่าเป็นเรื่อง ระบบข้อมูลภาครัฐมีมาตรฐาน ทันสมัย และเชื่อมโยงกัน ก้าวสู่รัฐบาลดิจิทัล ร้อยละ 1.55 ระบุว่าเป็นเรื่อง กำลังคนภาครัฐมีขนาดที่เหมาะสมและมีสมรรถนะสูง พร้อมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ร้อยละ 5.34 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ การคมนาคม การส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย ความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ การบังคับใช้กฎหมาย การปฎิรูปองค์กรตำรวจและองค์กรส่วนท้องถิ่น ขณะที่บางส่วนระบุว่า การพัฒนาความสัมพันธ์กับต่างประเทศ และร้อยละ 18.59 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

3 ปี 6 เดือน ของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา