เผยแพร่ |
---|
6 มาตรการ“คลายล็อก”อันจะออกผ่านคำสั่งหัวหน้าคสช.ในเดือน กันยายนอย่างที่ นายวิษณุ เครืองาม นำมาแถลงอย่างหยาบๆมีความเด่นชัดว่าดำเนินไปในลักษณะช่วยในการ”ล้างพิษ”
เพราะว่าผลสะเทือนจากคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ไม่เพียงแต่ระงับการปฏิบัติตามพรป.ว่าด้วยพรรคการเมืองในบาง ข้อ บางมาตรา
หากแต่ยังส่งผลอย่างฉับพลันให้เกิดการเซ็ตซีโร สมาชิกพรรค สาขาพรรคและตัวแทนพรรคประจำจังหวัดโดยพื้นฐาน
เพื่อสร้างความเสมอภาคระหว่างพรรคใหม่กับพรรคเก่า
คำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับใหม่จึงเท่ากับมอบชีวิตให้กับพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 คืนมา
จึงเท่ากับใช้”มาตรา 44″ในการ”ล้างพิษ”
สภาพการณ์ “คลายล็อก” โดยยังไม่ “ปลดล็อก” พรรคการเมืองเช่น นี้จึงเป็นมาตรการในขนบของภาพยนต์ไทยสไตล์ พิศาล อัครเศรณี โดยแท้
ไม่ว่าจะเรื่อง”จำเลยรัก” ไม่ว่าจะเรื่อง “มนต์รักอสูร”
ไม่แน่ใจว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะอ่านออกหรือไม่ ไม่แน่ใจว่า พรรคชาติไทยพัฒนา จะทบทวนได้หรือไม่ ไม่แน่ใจว่า พรรค เพื่อไทย จะมีความซาบซึ้งตรึงใจเพียงใด
เพราะนี่คือ ท่วงทำนองในแบบ “ตบ จูบ” อย่างเด่นชัด
เด่นชัดตั้งแต่ยังไม่ยอมคลายล็อกจากประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 และจากคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 และจากคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560
หากแต่ประแป้งแต่งตัวใหม่ผ่านคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับใหม่ในเดือนกันยายน
เหมือนกับจะเป็นมาตรการ”จูบ”
แต่ก็รู้กันโดยทั่วไปว่า เป็นท่วงทำนองการ”จูบ”หลังกระบวนการ “ตบ” มาอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่า นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ไม่ว่า นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ไม่ว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล
เมื่อฟังอาการเจื้อยแจ้วจำนรรจาจาก นายวิษณุ เครืองาม
ไม่ว่าในเรื่องระยะเวลาการหาเสียง ไม่ว่าในเรื่องระบบไพรมารี โหวต ย่อมตระหนักว่าทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่อยู่ภายในปริมณฑลของ “อภินิหารแห่งกฎหมาย”
เป็นอภินิหารแห่งกฎหมายในสกุล “ตบ จูบ”จากคสช.