บิ๊กตู่ ลั่นไทยมุ่งเป็นผู้นำเปลี่ยนอาเซียน ต้องจัดประชุมได้ อย่ามีปัญหาเหมือนปี’52

บิ๊กตู่ ลั่น ปีหน้าไทยเป็นประธานอาเซียน ต้องจัดประชุมได้ อย่าให้มีปัญหาเหมือนปี 52 สั่งไปดูใครเอี่ยวบ้าง

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ที่กระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมเต็มคณะระหว่างเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำประเทศเพื่อนบ้านกับผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดน โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุม

พล.อ.ประยุทธ์ มอบนโยบายว่า นโยบายรัฐบาลต่อประเทศเพื่อนบ้าน คือการไว้เนื้อเชื่อใจ การมีผลประโยชน์ร่วมกัน ลดความหวาดระแวง ต้องรู้เขารู้เรา ตามตำราพิชัยสงครามของซุนวู แม้วันนี้ไม่ใช่เรื่องของสงครามการสู้รบด้วยกำลังทหาร แต่เป็นสงครามทางการค้า เราต้องหาความต้องการที่ตรงกันกับเพื่อนบ้านและทุกประเทศทั่วโลก วันนี้ความสัมพันธ์ของเรากับต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม การค้าการลงทุนมีการพัฒนาที่เติบโตไปด้วยกัน การบริหารราชการเอง ก็จะต้องปฏิรูป พร้อมเชื่อมโยงแบบไร้รอย แต่เหล่านี้ยังมีอุปสรรคอยู่ เพราะติดกฎระเบียบต่างๆ จึงต้องมีการปรับปรุง โดยทุกหน่วยงานทราบดีว่ามีข้อติดขัดอย่างไรต่อการปฏิรูป ดังนั้นทุกหน่วยงาน จึงควรเสนอข้อติดขัดต่างๆ มาให้รัฐบาลได้แก้ไขกฎหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลายประเทศมีผู้นำรุ่นใหม่ คณะรัฐมนตรีใหม่ จึงอยากให้ทุกคนได้ติดตามศึกษาแนวคิดใหม่ๆของแต่ละประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากแนวคิดประชาธิปไตยตะวันตก รวมถึงประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม โดยขอให้ศึกษารายละเอียด เหล่านี้เป็นเรื่องที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่ยังอยู่ในกรอบ ไม่ต่างจากของเดิมมากนัก ในส่วนของการทำงานร่วมกับผู้นำรุ่นใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล ต่างประเทศก็จำเป็นต้องเปลี่ยนท่าทีเล็กน้อย ซึ่งเราจะต้องสร้างความเข้าใจ ว่าจะอันตราย ถ้าเปลี่ยนแปลงทั้งหมดด้วยการเมือง เพราะมีตัวอย่างอยู่แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์  กล่าวว่า ในการทำงานวันนี้ต้องใช้กลไก กฎหมาย วิธีการใหม่เพื่อให้ไทยมีที่ยืนในเวทีโลก การทำงานจะต้องยึดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไทยนิยมยั่งยืน ประชารัฐ ไม่ใช่ประชานิยม ไม่ใช่นโยบายที่จะสืบทอดอำนาจ และขอให้ติดตามทบทวนในการเจรจาข้อตกลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาแล้วแล้ว และจะมีขึ้นในอนาคต เพื่อปรับปรุงให้ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ และในการทำงานเราจะต้องคำนึงถึงอัตลักษณ์อาเซียน มิเช่นนั้นเราคงอยู่ไม่ได้จนถึงวันนี้ โดยเฉพาะประเทศไทย คงไม่อยู่รอดปากเหยี่ยวปากกาได้จนถึงวันนี้ เพราะเรามีเทคนิคและแนวคิดพื้นฐานของอาเซียน นอกจากนี้ ทูตต่างประเทศจะต้องรู้ปัญหาและอุปสรรคของประเทศไทย เพื่อที่จะได้นำเสนอแก่ฝ่ายการเมืองของต่างประเทศพร้อมหาแนวทางแก้ไข

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การพัฒนาอาเซียนแตกต่างจากตะวันตก เพราะพัฒนาช้า ตกลงกันไม่ได้ เมื่อเปลี่ยนรัฐบาล นโยบายต่างๆก็เปลี่ยนตาม ต่างจากตะวันตก ที่ไม่ค่อยเปลี่ยนมากนัก จะเห็นว่าในทางตะวันตกไม่ค่อยมีปัญหาในเวทีต่างประเทศ อาเซียนเป็นประเทศที่มีรายได้น้อย มีปัญหามาก ทำให้เรื่องหลักๆเดินหน้าไม่สำเร็จเสียที เรายังไปไม่ถึงจุดที่ชาติตะวันตกเป็น จึงต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะไปถึงจุดนั้น แม้หลายแนวคิดจะดี แต่เรายังไปไม่ถึง

“ มีหลายฝ่ายอยากให้เราไปถึงตรงโน้น ทุกคนรู้หมด นักวิชาการ สื่อมวลชน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร และไม่รู้ในสิ่งที่เราทำไปแล้ววันนี้ เขาต่างพูดไปด้วยหลักการ ซึ่งผมจะไปทะเลาะกับเขาไม่ได้ ทุกคนจะต้องช่วยกัน สิ่งสำคัญที่สุดในนโยบายต่างประเทศ คือทำอย่างไร ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่อาเซียนทางพฤตินัย ไม่ใช่การกล่าวอ้าง ว่าเราจะเป็นผู้นำอาเซียน ซึ่งเราจะต้องเป็นผู้นำของการเปลี่ยนแปลงในอาเซียนให้ได้ ในการประชุมอาเซียนในครั้งหน้าในเวลาอันไกลนี้ โดยประเทศไทยกำลังจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ซึ่งตอนนั้นใครจะเป็นรัฐบาลก็ไม่รู้ แต่ไทยก็จะเป็นเจ้าภาพอยู่ดี ขออย่าให้เกิดปัญหาเหมือนกับการประชุมอาเซียนที่ประเทศไทยครั้งที่ผ่านมา ในปี 2552   ที่ประชุมไม่ได้ ไปทบทวนกันดูว่าใครมันเกี่ยวข้องบ้าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว