2 เขื่อนใหญ่กาญจน์ เร่งพร่องน้ำ-ตรวจสอบตัวเขื่อนถี่ขึ้นเพื่อความปลอดภัย ด้านระดับน้ำล้นตลิ่งยังทรงตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมระบุว่านายไววิทย์ แสงพานิชย์ ผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ (อขว.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งมีความจุอ่าง 8,860 ล้านลูกบาศก์เมตร ที่ระดับ 155 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.) โดยข้อมูล ณ วันที่ 10 สิงหาคม 2561 เวลา 6.00 น. มีปริมาณน้ำในเขื่อน 7,547 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 85% โดยวานนี้ (9 ส.ค.61) มีปริมาณน้ำไหลเข้า 52.96 ล้าน ลบ.ม. และระบายออก 41.53 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์และบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมีมติให้เร่งพร่องน้ำออกไป เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝน ในช่วงเดือน สิงหาคม และกันยายนนี้ จึงมีมติปรับแผนการระบายน้ำ วันที่ 10 สิงหาคม-30 กันยายน 2561 ระบายน้ำเฉลี่ย 43 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณยังสามารถรับน้ำได้อีก 1,313 ล้านลูกบาศก์เมตร และได้ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยมีการบริหารจัดการน้ำในอ่างให้อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถควบคุมได้ หากสถานการณ์น้ำมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีการปรับแผนระบายน้ำเขื่อนวชิราลงกรณจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเขื่อนวชิราลงกรณได้ตรวจสอบตัวเขื่อนเป็นกรณีพิเศษ กรณีมีการเก็บกักน้ำเกินกว่า 80% โดยทำการตรวจสอบอุโมงค์ Spillway Irrigation Outlet อ่างเก็บน้ำ และอื่นๆ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อน

ด้าน นายประเสริฐ อินทับ ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ (อขศ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ปัจจุบัน (วันที่ 10 สิงหาคม 2561 เวลา 08.00 น.) อยู่ที่ระดับ 174.39 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นปริมาณน้ำ 15,488.27ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 87.28% โดยวันนี้มีแผนการระบายน้ำ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเมื่อวาน (9 ส.ค.61) มีน้ำเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ 40.06 ล้านลูกบาศก์เมตร และได้ระบายน้ำออกตามแผนการระบายน้ำ 19.34 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งตอนนี้ยังมีพื้นที่รับน้ำได้อีก 2,264.44 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงทำให้มั่นใจได้ว่าอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ยังคงสามารถรองรับปริมาณน้ำได้อีก โดยไม่เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงและปลอดภัยของตัวเขื่อน รวมไปถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชนด้านท้ายน้ำ อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานการณ์น้ำในช่วงนี้ที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง จึงได้เพิ่มการตรวจสอบเขื่อนให้มีความถี่มากขึ้นกว่าเดิม เช่น การตรวจอัตราการซึมของน้ำผ่านตัวเขื่อน การตรวจวัดระดับน้ำในหลุมวัดน้ำ เดิมตรวจสอบสัปดาห์ละครั้ง เป็นตรวจสอบทุกวัน ส่วนการตรวจสอบ การทรุดตัวและเคลื่อนตัวของเขื่อน จากเดิมไตรมาสละครั้ง เป็นเดือนละครั้ง โดยได้ทำการตรวจวัดด้วยสายตลอดแนวสันเขื่อนทั้งด้านเหนือน้ำ ท้ายน้ำ และตรวจสอบด้วยเครื่องมือวัด ในอุโมงค์ตรวจสอบใต้ฐานเขื่อน ตัวสันเขื่อนและจุดวัดระดับน้ำใต้ดินด้านท้ายเขื่อน จากการตรวจสอบพบว่าตัวชี้วัดทุกตัวยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีแนวโน้มหรือบ่งชี้ว่ามีสิ่งผิดปกติแต่ประการใด เขื่อนยังมีความแข็งแรง มั่นคง ปลอดภัย จึงขอให้ประชาชน มีความมั่นใจ ในความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนศรีนครินทร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วน เขื่อนแม่กลอง ซึ่งเป็นเขื่อนทดน้ำขนาดใหญ่ของกรมชลประทาน ตั้งอยู่ ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง ซึ่งรองรับน้ำจากแม่น้ำแควน้อย และแควใหญ่ ยังคงเพิ่มการระบายไปตามน้ำสาขา คลองระบาย คลองชลประทาน และลงแม่น้ำแม่กลอง ผ่าน อ.ท่าม่วง อ.ท่ามะกา และเข้าเขต จ.ราชบุรี เฉลี่ย 64 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน

ทั้งนี้จากการปรับเพิ่มการระบายน้ำดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้น้ำในแม่น้ำแควน้อยเอ่อล้นตามแนวตลิ่งในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค ล่าสุดระดับน้ำยังคงทรงตัว และบางจุดได้ลดลงบ้างเล็กน้อย แต่กระแสน้ำยังคงไหลเชี่ยว ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำแควใหญ่ จาก อ.ศรีสวัสดิ์ ไปจนถึงเขต อ.เมือง ยังคงทรงตัวเช่นกัน แต่ยังไม่มีน้ำล้นตลิ่ง ส่วนพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากทั้งสองเขื่อนใหญ่ พบว่า ปริมาณน้ำมีระดับน้ำสูงขึ้น แต่ก็ยังต่ำกว่าจุดวัดที่อยู่ในระดับวิกฤติ และยังไม่มีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจแต่อย่างใด ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด