“เจ้าสัวเปรมชัย”บอกคดีถูกฟ้อง 4 สำนวนไม่กระทบธุรกิจ แต่ขึ้นศาลเหนื่อยหน่อย

เจ้าสัวเปรมชัย บอกคดีถูกฟ้อง 4 สำนวนไม่กระทบธุรกิจ แต่ขึ้นศาลเหนื่อยหน่อย อัยการเตรียมสืบพยาน 15 ปาก ศาลให้เริ่มสืบ 9 ก.ค.62 ส่วนพยานจำเลยนัดสุดท้าย 23 ก.ค.

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้ตรวจหลักฐานคดี นายเปรมชัย กรรณสูตร อายุ 64 ปี ประธานบริหารบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย คดีหมายเลขดำ อ.1144/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย เป็นจำเลย ในความผิดฐาน มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ.2490 โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 เมษายน61 ที่ผ่านมา ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 61 จำเลยกระทำผิดกฎหมายด้วยการมีอาวุธปืนยาวไรเฟิล 3 กระบอก และปืนแก๊บ 1 กระบอกไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตภายในบ้านพักเลขที่ 12/3 ซ.ศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.

ซึ่งวันนี้ นายเปรมชัยที่ได้รับการประกันตัวชั้นพิจารณา 200,000 บาทโดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใดๆ ก็เดินทางพยุงมาด้วยไม้เท้าเหมือนเช่นเคย ด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยมีเลขานุการส่วนตัว และทีมทนายความ เดินทางมาพร้อมกัน

ขณะที่คดีนี้นายเปรมชัยสอบคำให้การในชั้นศาลเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งศาลได้นัดตรวจพยานหลักฐานไปแล้ว 1 ครั้งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา

โดยการนัดตรวจหลักฐานครั้งที่ 2 วันนี้เป็นการสอบถามฝ่ายจำเลยว่ามีพยานโจทก์ปากใดบ้างที่จะรับข้อเท็จจริงกันได้บ้างเพื่อจะไม่ต้องนำตัวมาเบิกความ ซึ่งอัยการแถลงมีพยานบุคคลทั้งหมด 24 ปาก โดยทนายความจำเลย พิจารณาเกี่ยวกับคำให้การพยานตามเอกสารโจทก์แล้วมีพยาน 9 ปากในกลุ่มเจ้าหน้าที่ตรวจพิสูจน์หลักฐานที่ตรวจที่เกิดเหตุ , ตรวจสภาพอาวุธปืน ซึ่งมีส่วนที่ระบุถึงที่มาอาวุธปืนคาบศิลาอายุตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 รวมทั้งนิติกรที่ให้ความเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับกฎหมายอาวุธปืน และเจ้าหน้าที่ที่ตรวจทะเบียนราษฎร์บ้านพักที่เกิดเหตุ ฝ่ายจำเลยสามารถรับข้อเท็จจริงตามเอกสารคำให้การของโจทก์ที่ยื่นเป็นหลักฐานต่อศาลได้ ดังนั้นฝ่ายอัยการโจทก์จึงเหลือพยานบุคคลที่จะนำสืบอีกทั้งสิ้น 15 ปาก ส่วนจำเลย เตรียมพยานนำสืบต่อสู้คดี คือตัวจำเลยและพยานอื่นอีกรวม 10 ปาก

ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้อัยการโจทก์-จำเลย นำสืบพยานบุคคลตามที่แถลง โดยให้อัยการโจทก์สืบพยานทั้ง 15 ปากในเวลา 5 นัด ตั้งแต่วันที่ 9,10,11,12,18 กรกฎาคม 2562 และสืบพยานจำเลย 10 ปากในเวลา 2 นัด วันที่ 19,23 กรกฎาคม2562 ตั้งแต่เวลา 09.00 น.

ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจหลักฐานแล้ว ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายเปรมชัย ถึงการถูกดำเนินคดีขณะนี้รวม 4 คดีแล้วมีปัญหากระทบการดำเนินธุรกิจหรือไม่ ซึ่ง นายเปรมชัยกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ธุรกิจก็ไม่มีปัญหากระทบอะไร จะมีก็แค่เหนื่อยขึ้นที่ต้องมาศาลบ่อยเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดีสำหรับคดีที่ฟ้องนายเปรมชัย ที่ศาลในพื้นที่ กทม.นั้น ก็ยังมีอีกสำนวนความผิดกล่าวหาร่วมกับภรรยา และคนใกล้ชิด ร่วมกันคดีครอบครองงาช้างแอฟริกา 2 คู่โดยไม่ชอบ ในคดี หมายเลขดำ อ.1143/2561 ซึ่งศาลอาญา จะนัดตรวจหลักฐานในวันที่ 3 ก.ย. นี้ เวลา 13.30 น.

ขณะเดียวกัน นายเปรมชัย ก็ยังมีคดีที่ถูกฟ้องในศาลต่างจังหวัดที่สืบเนื่องจากเหตุเข้าป่าล่าสัตว์ฆ่าเสือดำอีก 2 สำนวนด้วย คือ คดีที่อัยการภาค 7 ยื่นฟ้อง นายเปรมชัยกับคณะคนขับรถ-นายพราน-แม่ครัว ในความผิด 6 ข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมให้ชดใช้มูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนเงิน 3,012,000 บาท ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี (ยื่นฟ้อง 30 เมษายน)

และคดีที่อัยการคดีปราบปรามการทุจริต ยื่นนายเปรมชัย กับคนขับรถ ร่วมกันให้สินบนเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 (ยื่นฟ้อง 30 เมษายน)

ซึ่งศาลนัดสอบคำให้การจำเลยไปแล้วเมื่อเดือน พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา