เผยแล้ว! ปริมาณน้ำในเขื่อนมากกว่า ‘ท่วมใหญ่ปี54’ หวั่นซ้ำรอย เตรียมรับมือ!

เลขาสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ยอมรับ ปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่บางแห่ง มีมากกว่าในช่วงปี54 คาดน่าจะเอาอยู่ เตรียมเปิดศูนย์เฝ้าระวังใกล้ชิด 24 ชั่วโมง

ปริมาณน้ำในเขื่อน / เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 2 ส.ค.ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในขณะนี้ว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ได้มีการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำเชิงลึก ซึ่งต้องเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 11 แห่ง ที่คาดการณ์ว่าอีก 1 เดือนข้างหน้าปริมาณน้ำอาจจะสูงมากกว่านี้ จึงต้องมีมาตรการพร่องน้ำ

โดยอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์ มี 2 แห่ง คือที่เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร และที่เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งเราให้ความสำคัญเป็นกรณีพิเศษให้มีการระบายน้ำมากกว่านี้ ซึ่ง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดำเนินการภายใน 5 วันให้ได้ โดยก่อนระบายน้ำให้แจ้งผู้ว่าฯ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก่อน 3 วัน เพื่อให้ภาคประชาชนรับรู้ และจัดทำรายงานผลกระทบท้ายน้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และหากระดับน้ำอยู่ในะดับวิกฤต นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้สั่งการ แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำโดยรวมขณะนี้อยู่ในเกณฑ์สีเหลืองหรือในระดับเตรียมการเท่านั้น

ภาพจากเขื่อน วชิราลงกรณ

นายสมเกียรติ กล่าวว่า ในวันที่ 3 ส.ค.เวลา 08.00 น.จะมีการเปิดศูนย์เฉพาะกิจร่วม ที่กรมชลประทาน โดยศูนย์ดังกล่าวจะดำเนินการร่วมกันตลอด 24 ชั่วโมงอย่างใกล้ชิด มีเจ้าหน้าที่ร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อให้ได้ข้อมูลชุดเดียวกัน อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณฝนในช่วงต้นเดือนส.ค.อาจจะไม่มาก ซึ่งในภาคกลางและภาคเหนือ สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นกังวล แต่ในภาคอีสานปริมาณน้ำในเขื่อนที่มากกว่าความจุร้อยเปอร์เซ็นต์ในอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง มีจำนวนมากกว่า 50 แห่ง ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

จึงต้องวิเคราะห์ความสมดุลในการรับน้ำและระบายน้ำ นอกจากนี้อ่างเก็บน้ำขนาดเล็กกว่า 1,000 แห่ง ก็ได้มอบหมายให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปดูแลในเบื้องต้นก่อน หากจำเป็นต้องระบายน้ำฉุกเฉินจะต้องดำเนินการแห่งใดบ้าง ซึ่งยังมีเวลาเตรียมการ 1-2 สัปดาห์ ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดสถานการณ์ใด ณ วันนี้

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าปริมาณน้ำปีนี้มากกว่าปี 2554 ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสมเกียรติ กล่าวว่า ปริมาณน้ำเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมาโดยรวมถือว่าสูงกว่า เป็นข้อเท็จจริงที่ใช่ แต่มีปริมาณสูงกว่าในเฉพาะอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เพียงบางแห่งเท่านั้น เช่นในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ โดยในภาคกลางได้มีการเฝ้าระวังเรื่องแผนบริหารจัดการน้ำ และเราไม่ประมาท ตามที่มีพยากรณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาว่าพายุจะเข้ามาช่วงกลางเดือนส.ค.นี้

ขณะที่ สถานการณ์น้ำริมฝั่งแม่น้ำโขงมีการเร่งสูบน้ำระบายออก โดยที่จ.อุบลราชธานี ปริมาณน้ำลดลงแล้ว แต่ที่จ.เลย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร ปริมาณน้ำมแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น 70 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร เนื่องจากมวลน้ำอาจถูกปล่อยมาจากจีนและสปป.ลาว จึงประสานกับสองประเทศว่าจะมีปริมาณน้ำปล่อยลงมาจำนวนเท่าใด ซึ่งผู้ว่าฯได้รับทราบและแจ้งเตือนประชาชนแล้ว