วรงค์ ฉะ ‘นคร’พูดเอาใจทักษิณ บอกคนพิษณุโลกไม่ยอมรับ ไร้บทบาทในพรรค แถมเพื่อนน้อย

วันนี้ (29 กรกฎาคม) น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณี นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า การล้มรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการกระทำเป็นกระบวนการของกลุ่มคน โดย นพ.วรงค์ระบุว่า บทวิเคราะห์ผลของจดหมายนายนครถึงนายทักษิณ เราลองมาวิเคราะห์ผลได้เสียในจดหมายของนายนคร มาฉิม ที่เขียนถึงนายทักษิณ

1.นายนครใช้คำว่า “พวกเรา” ในจดหมาย เพื่อให้สังคมเข้าใจผิดว่า ตนเองเป็นเบอร์ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ ในทางกลับกัน กลับเป็นบุคคลที่มีเพื่อนน้อย ไม่มีบทบาทใดๆ ในพรรค แต่พยายามใช้คำว่าพวกเราตลอด เช่น “พวกเราจึงปรึกษากันว่า” ทางที่ดีนายนครน่าจะระบุว่ามีใครบ้างที่นายนครไปร่วมปรึกษาหารือด้วย ถ้าไม่สามารถระบุได้จะกลายเป็นว่าสร้างเรื่องขึ้นมา เพียงเพื่อเอาอกเอาในนายทักษิณ

2.ในสาระของจดหมาย เท่ากับว่านายนครไม่สามารถแยกแยะฝ่ายประชาธิปไตย กับฝ่ายทุนสามานย์ได้ เพราะนายนครไม่ได้พูดถึงพฤติกรรมของฝ่ายทุนสามานย์ ในช่วงที่ผ่านมามีโครงการจำนำข้าว ที่ทุจริตรุนแรงที่สุดตั้งแต่ตั้งประเทศไทย หลังจากศาลตัดสินจนฝ่ายการเมืองหนีคุกออกนอกประเทศ และหลายคนติดคุก ขณะนี้ยังมีคดียึดทรัพย์เครือข่ายเสี่ยเปี๋ยงอีกหลายคดีในศาลแพ่ง วงเงินร่วมห้าหมื่นล้าน และคิดดูว่าฝ่ายการเมืองจะเอาไปอีกเท่าไร ไม่นับรวมพฤติกรรมไม่ชอบอีกมากมาย จนมีประชาชนนับล้านออกมาขับไล่ ทำให้ประชาชนต้องเสียชีวิตไป 24 ราย บาดเจ็บมากกว่า 700 ราย

3.เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายทุนสามานย์ ทั้งสองฝ่ายมาจากการเลือกตั้งเหมือนกัน แต่ฝ่ายประชาธิปไตยจะเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวตั้ง แต่ฝ่ายทุนสามานย์ ทำเพื่อนายทุนเจ้าของพรรค เมื่อผ่านการเลือกตั้งแล้วจะมีลักษณะ

-เหิมเกริมในอำนาจ และใช้อำนาจไม่ชอบ กล้าท้าทายประชาชนในจังหวัดที่ไม่เลือกเขา กล้าแม้ที่จะออกกฏหมายล้างผิดตนเอง
-ทุจริตเชิงนโยบาย จึงไม่แปลกที่ถูกศาลตัดสินคดีทุจริตหลายๆ คดี และล่าสุดยังถูกหมายศาลอีก
-ไม่เคารพกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ถ้าตนเองได้ประโยชน์ก็ชื่นชม แต่ถ้าเสียประโยชน์ต้องจำคุก ก็จะตำหนิ แต่ถ้าเป็นตนเองหรือน้องสาวก็จะหนี

ซึ่งถือว่าทุนสามานย์เป็นตัวทำลายประชาธิปไตยที่แท้จริง เป็นเหตุให้ประชาชนออกมาขับไล่ และจบด้วยรัฐประหาร ถ้าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ต่อให้ทหารที่ไหนอยากรัฐประหาร ไม่มีทางทำได้ เพราะประชาชนจะช่วยปกป้อง

แสดงว่านายนครแยกแยะไม่ออก เห็นว่ามาจากการเลือกตั้งเหมือนกัน จึงคิดว่าฝ่ายทุนสามานย์คือฝ่ายประชาธิปไตย

4.ผลของจดหมายฉบับนี้ นายทักษิณและเครือข่ายได้ประโยชน์เต็มๆ แต่อาจได้ผลในช่วงแรก เพราะความจริงก็คือความจริง เนื่องจากนายนครมาช่วยแต่งเรื่องให้ และมาขยายผลโดยสื่อเครือข่าย เพื่อให้เข้าใจผิดว่านายนครยังอยู่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้ข้อมูลน่าเชื่อถือ ทั้งๆ ที่นายนครออกจากพรรคประชาธิปัตย์นานถึงสี่ปีกว่าร่วมห้าปี ไปอยู่ที่พรรคชาติพัฒนา แต่คนไม่ค่อยรับรู้ เพราะไม่ใช่คนที่มีบทบาทและกำลังจะไปอยู่พรรคเพื่อไทย

5.ผลต่อนายนครเอง ต้องยอมรับว่าแฟนๆ พรรคประชาธิปัตย์จำนวนมากในจังหวัดพิษณุโลกและทั้งประเทศ มีความรู้สึกต่อต้านนายนคร หลายๆ คนโทรศัพท์มาวิพากษ์วิจารณ์การทำตัวเช่นนี้ ซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้งของนายนครแน่ โดยเฉพาะการที่พยายามสร้างภาพว่าตนเองมีจุดยืน มีอุดมการณ์ แต่เปลี่ยนถึงสามพรรค ทำให้คิดได้ว่าใช้เงินเป็นตัวตั้ง ซึ่งชาวพิษณุโลกไม่ยอมรับ

6.นายนครได้แจ้งเกิดกับนายทักษิณและเครือข่าย ถามว่าถ้าเราเป็นนายทักษิณจะปูนบำเหน็จอย่างไร การแปรพักตร์ของนายนครครั้งนี้ ไม่เหมือนอดีต ส.ส.ทั่วๆ ไป ที่มีการย้ายพรรคปกติ แต่นายนครมีการทิ้งบอมบ์ไปสู่กลุ่มเป้าหมายหลายๆ กลุ่ม เป็นที่ถูกใจนายทักษิณและเครือข่ายมาก คนทั่วไปถือว่าเป็นการทรยศต่อพี่ หักหลังเพื่อน และเผาบ้านทิ้งครั้งรุนแรง คนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ นายทักษิณก็คงมองออก เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะทำกับพรรคเพื่อไทยเช่นนี้หรือไม่ ผมคาดว่าสิ่งที่นายนครได้รับคือ

6.1 ในระยะแรกต้องเร่งชูบทบาท ถ้าเป็นรัฐบาลต้องให้เป็นรัฐมนตรี แต่สุดท้ายคงจบด้วยการติดคุก เหมือนอีกหลายๆ คน

6.2 เนื่องจากนายนครมีความขยัน แต่เพื่อนน้อย ถ้าหมดประโยชน์ทางการเมือง คงต้องมีความระแวดระวัง ต่อพฤติกรรม สุดท้ายต้องประหาร (ทางการเมือง) เพราะคงไม่กล้าส่งเสริมให้ดูแลพรรคแน่นอน

7.ผลต่อพรรคประชาธิปัตย์ แน่นอนว่า ช่วงแรกต้องได้รับผลกระทบจากข้อมูลผิดๆ ที่มีการเขียนขึ้นมาเอง ระยะเวลาผ่านไป ประชาชนก็เข้าใจและมองออก อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครที่จะทำอะไรพรรคประชาธิปัตย์ได้แน่นอน เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีประชาชนเป็นเจ้าของ แต่สิ่งที่ท้าทายพรรคประชาธิปัตย์ของพวกเรา นั่นคือไพร่พล ย่อมมีทั้งดีและเลว จะช่วยกันดูแลอย่างไร