ไฟท์ประวัติศาสตร์ “แอปเปิล vs อเมซอน” เพื่อมาร์เก็ตแคป 1 ล้านล้านเหรียญ

พูดกันมาสักพักใหญ่ ๆ ว่าปีนี้อาจจะได้เห็นบริษัทแรกของโลกที่จะก้าวขึ้นมามีมาร์เก็ตแคปหรือ “มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด” ทะลุ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นรายแรก

2 ค่ายหลักที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ฟันธงมาตลอดหนีไม่พ้น “แอปเปิล” เจ้าของเทคโนโลยี “ไอโฟน” เปลี่ยนโลก และ “อเมซอน”อาณาจักรของเจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซ “เจฟฟ์ เบซอส” 

กลางปีนี้ถือเป็นจุดขับเคี่ยวสำคัญ เพราะมูลค่าบริษัทของ 2 ยักษ์ใหญ่ไม่ไกลจากเป้าหมาย ขณะที่กำลังจะมีการประกาศผลประกอบการงวดเดือน เม.ย.-มิ.ย. 2018 ของทั้ง 2 บริษัทออกมาในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้

ปัจจุบัน “แอปเปิล” ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดด้วยจำนวน 948,620 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราคาหุ้นณ 24 ก.ค.) โดยแอปเปิลขอลุ้นแค่ราคาหุ้นขยับเพิ่มอีก 6% เท่านั้น ก็จะทำให้มูลค่าบริษัทแตะ 1 ล้านล้าน ขณะที่มาร์เก็ตแคปของอเมซอนอยู่ที่ 887,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราคาหุ้น ณ 24 ก.ค.) โดยต้องดันราคาหุ้นเพิ่มอีก 13% ซึ่งยังมีโอกาสอยู่ที่จะเข้าเส้นชัยประวัติศาสตร์เป็นรายแรก เช่น

บลูมเบิร์กเทคโนโลยี วิเคราะห์ถึงปัจจัยที่จะทำให้ทั้ง 2 บริษัทก้าวถึงฝั่งฝันว่า “แอปเปิล” ต้องโชว์รายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 (ปีงบประมาณ ต.ค. 2017-ก.ย. 2018) โดยเฉพาะยอดขายไอโฟนเอ็กซ์ ที่จะต้องทำยอดขายให้ได้มากกว่า 41 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นยอดขายไตรมาส 3 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม แอปเปิลยังมีธุรกิจและผลิตภัณฑ์อื่นที่พอจะพึ่งพาได้ เช่น ยอดขายแอปพลิเคชั่นยอดการอัพเกรดซื้อพื้นที่เก็บข้อมูลบนไอคลาวด์ ยอดซื้อวิดีโอ รวมถึงยอดซื้อสมาชิกแอปเปิลมิวสิก เหล่านี้เป็นกำไรชิ้นโตของบริษัทในภาวะที่ยอดขายไอโฟนตกลง ซึ่งนักลงทุนก็มองว่าน่าจะผลักดันทำให้มาร์เก็ตแคปแตะ 1 ล้านล้านเหรียญ

และในไตรมาสหน้า ก็ยังมีเรื่องที่น่าสนใจคือ แอปเปิลประกาศปรับกลยุทธ์ที่จะเปิดตัวไอโฟนโมเดลใหม่ “มากถึง 3 รุ่น” ซึ่งอาจจะทำให้ได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นก็เป็นได้ เนื่องจากจะมีโมเดลที่ราคาถูก ที่หลาย ๆ คนจับต้องได้ นอกจากนี้แอปเปิลเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ augmented reality (AR) และวิดีโอสตรีมมิ่งออกมาแข่งกับ “เน็ตฟลิกซ์” ด้วย

ขณะที่ “อเมซอน” แม้ว่าธุรกิจหลักที่คนส่วนใหญ่รู้จักคืออีคอมเมิร์ซ แต่อเมซอนก็มีธุรกิจสร้างรายได้หลายทาง โดยเฉพาะธุรกิจขายโฆษณาที่เพิ่งเริ่ม รวมถึงบริการอเมซอนเว็บเซอร์วิสที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้บริษัท

สัปดาห์ก่อน อเมซอนเพิ่งจัดงานมหกรรมเซลออนไลน์ “ไพรมเดย์” เป็นเวลา 36 ชั่วโมง แม้จะมีปัญหาทางเทคนิคหน้าเว็บไซต์ แต่ทั้งยอดซื้อโฆษณาจากแบรนด์สินค้าและยอดขายสินค้าออกมาน่าชื่นใจบรรดานักลงทุนยิ่ง โดยทางอเมซอนเคลมว่ายอดขายอยู่ที่ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งน่าจะช่วยหนุนรายได้ของอเมซอนได้ดี ผลพลอยได้จากไพรมเดย์คืออเมซอนได้สมาชิกไพรมเพิ่มขึ้นมหาศาล

แม้ว่าเส้นชัย 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐจะอยู่ไม่ไกลของทั้ง 2 บริษัท แต่บลูมเบิร์กเทคโนโลยีก็วิเคราะห์ด้วยว่า แม้จะมีบริษัทใดแตะเส้นชัยดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการมีมาร์เก็ตแคป 1 ล้านล้านเหรียญจะสร้างความเปลี่ยนแปลงบริษัทจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทั้งยังอาจเกิดคำถามจากนักวิเคราะห์ทั่วโลกด้วยว่า“บรรดาบริษัทเทคโนโลยีจะใหญ่และมีอำนาจเกินไปหรือเปล่า ?” 

มากไปกว่านั้น ในยุคที่เศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน เช่น สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ก็อาจทำให้มาร์เก็ตแคปบริษัทดิ่งลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านเหรียญได้ทันทีในวันถัดมา

แต่ในทางจิตวิทยาต้องยอมรับว่า 1 ล้านล้านเหรียญ เป็นเป้าหมายยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และผู้เฝ้ามองทั่วโลกก็รอคอยให้ประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้นสักครั้ง