สถาบันโภชนาการชี้ไทยไม่กระทบ ‘ไขมันทรานส์’ เผยกลุ่ม ‘เนยขาว-มาการีน’ ไม่มีแล้ว

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่สถาบันโภชนาการ ศ.วิสิฐ จะวะสิต อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหัวหน้าวิจัยโครงการประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์ แถลงข่าว “ผลวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์อาหารในประเทศไทย 99% ปลอดไขมันทรานส์” ว่า หลังจากการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนหรือไขมันทรานส์ และอาหารที่มีไขมันทรานส์เป็นส่วนประกอบ เป็นอาหารห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ปรากฏว่าก็มีการตื่นตัวไม่ใช่น้อย อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยรับอิทธิพลการทำเบเกอรี่เข้ามาระยะเวลาหนึ่งแล้ว ที่เจอหลักๆ คือพัพ พาย โดนัท บางส่วนนำเอาสูตรทั้งหมดจากตะวันตกเข้ามา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการใช้น้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนซึ่งทำให้เกิดไขมันทรานส์

ศ.วิสิฐกล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีการขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการผลิตน้ำมัน และมีการปรับสูตรผลิตน้ำมันแล้ว ไม่มีการเติมไฮโดรเจนบางส่วนเข้าไปแล้ว แต่มีผู้ผลิตเบเกอรี่เจ้าใหญ่เพียงไม่กี่เจ้าที่มาขอให้ผลิตน้ำมันดังกล่าวให้ แต่หลังกฎหมายดังกล่าวบังคับใช้แล้วก็จะไม่มีในท้องตลาด สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มเนยขาว มาการีนต่างๆ ที่วางขายในท้องตลาดของไทยที่ประชาชนกังวลกันอยู่นั้น ขอย้ำว่ามีการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตไม่มีการเติมไฮโดรเจนบางส่วน

“ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ที่พบไขมันทรานส์ในท้องตลาดไทยสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 1 ส่วนอีกร้อยละ 99 ปลอดภัย ที่จริงแล้วไขมันที่ทำให้คนไทยป่วยเป็นโรคหัวใจหลอดเลือดนั้นพบว่าเป็นไขมันอิ่มตัว เพราะเรารับประทานไขมันอิ่มตัวกันมากกว่า ไขมันทรานส์นั้นเป็นส่วนน้อยมากๆ แต่ที่เราต้องออกกฎหมายมาเพื่อห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายน้ำมันทรานส์เพราะในหลายประเทศที่เป็นแหล่งต้นกำเนิดของไขมันทรานส์ต่างก็ออกกฎหมายของตัวเองแล้ว เพราะฉะนั้นไขมันทรานส์ที่เขาผลิตแล้วจะถูกส่งไปที่ไหนก็ไม่ทราบ ดังนั้นเราก็ต้องออกกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้มีการไหลเข้ามาในประเทศ” ศ.วิสิฐกล่าว และว่า ใน 1 วันกินไขมันทรานส์ไม่เกินร้อยละ 1 ของปริมาณพลังงานทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน หรือส่วนไขมันอิ่มตัวกินไม่เกินร้อยละ 10 ต่อวัน ดังนั้น ขอให้รับประทานให้พอเหมาะและออกกำลังกายเป็นประจำ

ด้าน รศ.วันทนีย์ เกรียงสินยศ ประธานหลักสูตรโภชนาการและการกำหนดสูตรอาหาร สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของประชากรโลกคือโรคหัวใจและหลอดเลือด และสาเหตุของการเกิดโรคดังกล่าวเพราะพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีไขมันมากเกินไป และขาดการออกกำลังกาย ซึ่งไขมันทรานส์จะเข้าไปทำให้ไขมันดี (HDL) ลดลง ขณะเดียวกันก็ไปทำให้ไขมันเลว (LDL) เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับไขมันอิ่มตัว ถ้ากินเยอะก็ทำให้ไขมันเลวเพิ่มขึ้นเหมือนกัน ทั้งนี้ ถ้าดูตามลักษณะพฤติกรรมของคนในแต่ละประเทศแล้วยืนยันว่าการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในประเทศไทย รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือดในประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการรับประทานไขมันอิ่มตัวมากเกินร้อยละ 10 ของพลังงานทั้งหมดที่ได้รับในแต่ละวัน ส่วนปัญหาไขมันทรานส์ในเมืองไทยนั้นไม่จัดว่าเป็นปัญหา เรียกว่าอยู่ในพื้นที่สีเขียว ทั้งนี้เพราะคนไทยไม่ได้รับประทานมาก