‘บิ๊กตู่’ ยัน รบ.พร้อมช่วยแก้หนี้ครู 5 แสนคนวงเงิน 4 แสนล้าน แนะ อย่าก่อหนี้เกินตัว

(20 ก.ค.) เวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนา อย่างยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า นอกจากโครงการคลินิกแก้หนี้ดังกล่าวที่จะช่วยบรรเทาปัญหาภาระหนี้ของพี่น้องประชาชนทั่วไป รัฐบาลยังพยายามที่จะช่วยแก้ปัญหาหนี้ของผู้ประกอบวิชาชีพต่างๆ โดยเฉพาะอีกด้วย อาทิ หนี้ใน“กลุ่มครู”ที่เป็นบุคลากรที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และ การปฏิรูปการศึกษา เพื่อจะลดความกังวล และภาระในการดำรงชีวิต ที่สามารถทำหน้าที่การเป็น“แม่พิมพ์” ที่ดีของเด็กๆ ได้เต็มศักยภาพ เนื่องจากที่ผ่านมา พบว่ามีครูเป็นหนี้ ทั้งในและนอกระบบ และมีมูลค่าหนี้อยู่ในระดับสูง ส่วนหนึ่งเป็นหนี้สิน ของโครงการสวัสดิการเงินกู้สมาชิกการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ที่มีผู้กู้อยู่กว่า 5 แสนราย คิดเป็นเงินกว่า 4 แสนล้านบาท โดยเป็นหนี้เสีย มากกว่า 5,000 ล้านบาท

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามใช้มาตรการต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือ และแบ่งเบาภาระ ให้กับแม่พิมพ์ของชาติที่มีหนี้อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการลดภาระหนี้ ที่เริ่มตั้งแต่ปี 2559 โดยการให้เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ4 เพื่อนำไปชำระหนี้โครงการ ช.พ.ค.เดิม และเพื่อนำไปชำระดอกเบี้ยเงินกู้รายเดือน แต่ยังมีผู้มาร่วมโครงการไม่มากนัก นอกจากนี้ ในปี 2560 ที่ผ่านมาก็มีโครงการปรับโครงสร้างหนี้ ให้โอกาสลูกหนี้ ที่มีปัญหาผ่อนชำระจนกลายเป็น“หนี้เสีย” สามารถผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ แล้วก็พักชำระเงินต้นไม่เกิน 3 ปี แต่ยังชำระดอกเบี้ยบางส่วน หรือเต็มจำนวน เพื่อให้สามารถกลับมาเป็นหนี้ปกติได้ ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้ให้ธนาคารออมสิน นำเงินสนับสนุนที่เคยได้รับจากโครงการ ช.พ.ค. ไปช่วยลดอัตราดอกเบี้ย ให้แก่ผู้กู้ที่มีวินัยดี ไม่มีหนี้ค้างชำระ ทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลงจากเดิม ร้อยละ 0.5-1.0 คิดเป็นเงินประมาณ 2,500 ล้านบาทด้วย

สำหรับโครงการคลินิกแก้หนี้และมาตรการแก้ไขหนี้ต่างๆที่รัฐบาลนี้ ได้ริเริ่มขึ้นนั้น เป็นเพียงการพยายามแบ่งเบาภาระ และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ปลายเหตุเท่านั้น ด้วยการช่วยเข้าไปผ่อนผันให้สามารถชำระหนี้ได้ตามความสามารถ โดยไม่ได้รับความเดือดร้อนจนเกินไป ดังนั้นการแก้ปัญหาการก่อหนี้เกินตัวที่ ต้นเหตุจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะไม่ส่งผลเสียอื่นๆ ลุกลามเป็นลูกโซ่ ก็คือ การพยายามไม่เข้าสู่วงจรการเป็นหนี้ โดยต้องเริ่มจากตัวเราทุกคนเอง