‘จรัส’หนุนกระจายอำนาจ ยกกรณีผู้ว่าฯเชียงรายมีอำนาจ แก้ถ้ำหลวงได้ดีกว่ารบ.กลาง

วันนี้ (15 ก.ค.)ที่อาคารทูแปซิฟิคเพลส ถนนสุขุมวิท มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย จัดเสวนาปฏิรูปประเทศไทยในหัวข้อการกระจายอำนาจ โดยนายจรัส สุวรรณมาลา อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวช่วงหนึ่งว่า

ประเทศไทยเป็นรัฐรวมศูนย์อำนาจที่เข้มข้น ซึ่งเป็นต้นเหตุให้การบริหารจัดการของรัฐล้มเหลว เกิดวงจรอุบาทว์เพราะเงินมากองอยู่ที่ส่วนกลาง และไม่ปล่อยงบมาถึงประชาชน หากไม่มีการแก้ไขเรื่องการกระจายอำนาจ จะทำให้ประเทศไม่สามารถก้าวหน้าและข้ามกับดักนี้ไปได้ หลายจังหวัดเป็นเมืองใหญ่แต่เหมือนคนพิการ มีปัญหาเฉพาะตัวแตกต่างกันไป ไม่สามารถพัฒนาไปได้เพราะต้องรอแต่ส่วนกลาง ขณะที่นโยบายของทุกพรรคการเมืองที่ผ่านมาเป็นแพกเกจเดียว ไม่มีพรรคการเมืองใดที่คำนึงถึงความแตกต่างของปัญหาในพื้นที่ จึงมีแต่นโยบายรวมที่ไม่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะท้องที่ได้ เสมือนกับทุกจังหวัดทั่วประเทศต้องกินยาชุดเดียวกันทั้งที่ไม่ถูกโรค ดังนั้น ข้อเสนอของการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ คือจะต้องยกฐานะจังหวัดให้เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งจังหวัดให้เป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ จัดแบ่งพื้นที่การปกครองในจังหวัดให้อยู่ในรูปของเทศบาล จัดระบบงบประมาณการเงินการคลังให้ก้าวหน้า มีความยืดหยุ่นสูง ให้จังหวัดและเทศบาลสามารถจัดสรรเงินประมาณกันในเองในจังหวัด เพื่อลดความซ้ำซ้อนการดำเนินงานในโครงการต่างๆ คาดว่าจะสามารถประหยัดงบประมาณได้มากกว่า 15,600 ล้านบาทต่อจังหวัดต่อปี

มีผู้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นนักบริหารมืออาชีพ โดยช่วงแรกกำหนดให้มีการสรรหาและแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นนักบริหารมืออาชีพมาทำหน้าที่วางรากฐานการบริหารงานของจังหวัดให้เป็นระบบและเข้มแข็ง ทั้งนี้ ช่วงแรกจะมีการสรรหาผู้ว่าราชการจังหวัด มาวางโครงสร้างให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนมีวาระการทำงาน 4ปี โดยจะมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อให้มีตำแหน่งฐานะเทียบเท่ารัฐมนตรีเพื่อให้เกิดความรับผิดชอบ และสามารถถอดถอนได้หากพบว่ากระทำผิด

“ขอยกตัวอย่างว่าการกระอำนาจไปสู่ท้องถิ่นนั้นดีกว่าการปกครองโดยส่วนกลาง เช่นการแก้ปัญหาที่ถ้ำหลวงนางนอน ที่จังหวัดเชียงรายกรณี13นักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมี ติดถ้ำ ผู้ว่าฯเชียงรายที่มีอำนาจของตัวเองสามารถจัดการปัญหาได้ดีกว่ารัฐบาลกลาง”

การกระจายอำนาจดีกว่ารูปแบบการปกครองแบบเดิม อย่าง เช่นลดความซ้ำซ้อนโครงการสร้างอำนาจต่างๆของหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะลดจำนวนเจ้าหน้ารัฐ ปีละ 470 -700 คนต่อจังหวัดต่อปี และงบประมาณ 15,600 ล้านบาทต่อจังหวัดต่อปีอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถพัฒนาจังหวัดได้ดีขึ้นและรู้สภาพของปัญหาต่างๆได้ตรงเป้าหมาย โดยมีภารกิจที่จะต้องแยกออกมาให้จังหวัดบริหารเองอาทิ การศึกษา ตำรวจ ประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์ เป็นต้น ส่วนจะผลักดันให้เรื่องดังกล่าวเป็นรูปธรรมจำเป็นจะต้องมีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองเป็นเจ้าภาพซึ่งพรรครปช.อาจเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ จึงค่อยไปหาแนวร่วม และพรรคพันธมิตรร่วมผลักดัน ที่ต้องเข้มข้นเพราะที่ผ่านมา 20 ปีใช้วิธีแบบประนีประนอมแล้วไปไม่ได้