“บิ๊กตู่” ขันน็อต ขรก.ทำ 10 เรื่องให้เสร็จใน 8 เดือนก่อนเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าระยะเวลาที่เหลือก่อนการเลือกตั้งประมาณ 8 เดือนนี้ อยากให้ข้าราชการและหน่วยงานของรัฐดำเนินการในเรื่องที่ท่านเห็นว่าสำคัญ และต้องมีผลงานให้ประชาชนเห็น คือ 1.เรื่องปฏิรูปตำรวจ 2.เรื่องการปฏิรูปการศึกษา 3.เรื่องการจัดที่ดินทำกินให้ราษฎรในพื้นที่ต่างๆ 4.การบริหารจัดการขยะทั่วประเทศ โดยทุกจังหวัดจะต้องมีกระบวนการบริหารจัดการขยะที่ถูกกฎหมายทั้งหมด ซึ่งนายกฯ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยช่วยกำกับดูแลอีกครั้งหนึ่ง 5.เรื่องการบริหารระบบราชการให้ กพร. และ ก.พ. ดูเรื่องการปรับย้าย แนวทางการรับราชการของข้าราชการหน่วยงานต่างๆ การบรรจุราชการเข้าใหม่ รวมถึงพนักงานและลูกจ้างต้องมีความชัดเจน มีรายได้ที่เพียงพอในการเลี้ยงชีพ และจะต้องมุ่งเน้นการลดจำนวนข้าราชการลง 6.การจัดการและบริหารเรื่องภัยพิบัติต่างๆ นายกฯ ได้เน้นย้ำว่าเรามีศูนย์บรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติ ซึ่งมีนายกฯ เป็นประธาน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นหน่วยงานสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล โดยเรียกว่าศูนย์พีม็อก หากมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับภัยพิบัติขึ้น พีม็อกต้องสามารถลิงก์และติดต่อกับหน่วยงานที่ดำเนินการด้านภัยพิบัติได้ ทั้งนี้ เพื่อที่เวลามีเหตุฉุกเฉินอะไรจะได้สั่งการได้ 7.นายกฯ ได้เน้นย้ำว่า การใช้เครื่องมือต่างๆ จะต้องมีการจัดระเบียบการใช้เครื่องมือในการบรรเทาสาธารณภัยและอุทกภัย โดยจะต้องมีการวางแผนให้ความช่วยเหลือเชื่อมโยงกับหน่วยงานเอกชน และเมื่อเรายืมอุปกรณ์จากหน่วยงานต่างๆ มาแล้ว เมื่อใช้แล้วจะต้องส่งคืนต้นสังกัดในสภาพเดิม 8.เรื่องการบริหารจัดการน้ำซึ่งนายกฯ มองว่าเป็นแผนงานระยะยาว แต่ในช่วงนี้แผนงานระยะสั้น 1 ปี 2 ปี 5 ปี ที่ได้วางแผนเอาไว้จะต้องทำให้เกิดผลให้ได้ 9.โครงการต่างๆ ที่นายกฯ ได้ลงพื้นที่ในหลายจังหวัดช่วงที่ผ่านมา มีโครงการต่างๆ ที่ในแต่ละพื้นที่เสนอขอมามากมาย นายกฯ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวม นำเสนอให้นายกฯ เพื่อนายกฯ จะได้พิจารณาว่าอันไหนทำได้เร็ว ทำได้ก่อน เพื่อตอบสนองพื้นที่ให้ได้รวดเร็วทันที และ 10.นายกฯ บอกว่าอีกไม่กี่ปีประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว นายกฯ อยากให้ประเทศของเรามีการเตรียมการรองรับสังคมผู้สูงอายุ ให้ผู้สูงอายุอยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี

ครม.สัญจรเปลี่ยนเป้าไปอุบลฯ-อำนาจเจริญ ยกเลิก จ.เชียงราย ติดช่วย 13 ชีวิตหมูป่า

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้เปลี่ยนสถานที่จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ระหว่างวันที่ 23-24 กรกฎาคมนี้ จากเดิมที่จะประชุมที่ จ.เชียงราย และดูงานในพื้นที่ จ.พะเยา เปลี่ยนเป็นไปประชุม ครม.สัญจรที่ จ.อุบลราชธานี และดูงานในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ทั้งนี้ ที่ประชุมมีความเห็นพ้องต้องกันว่าควรเปลี่ยนสถานที่ประชุม เนื่องจากจังหวัดเชียงรายยังมีภารกิจดำเนินการค้นหาและช่วยชีวิตเยาวชนและผู้ฝึกสอนทีมหมูป่าอะคาเดมี แม่สาย รวม 13 คน ออกจากถ้ำหลวง วนอุทยานแห่งชาติขุนน้ำนางนอน จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนไปยังจังหวัดในภาคอีสาน ส่วนเหตุผลที่เป็น จ.อุบลราชธานีและอำนาจเจริญนั้น เพราะหลังจากตนกลับจากการไปลงพื้นที่ใน จ.อำนาจเจริญ รวมถึงได้หารือกับทั้ง 2 จังหวัดนี้แล้วเห็นว่าเขามีความพร้อมที่จะจัดงานดังกล่าวได้ทันที ที่ประชุม ครม.จึงมีมติเห็นชอบตามที่กล่าวข้างต้น ทั้งนี้ มีโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะได้ไปร่วมงานแห่เทียนพรรษาที่ จ.อุบลราชธานีด้วย

“บิ๊กป้อม” โต้โซเชียลไม่ได้นั่งหลับแค่กะพริบตา ไม่รู้ใครถ่ายรูป

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย หลังมีการเผยแพร่ภาพลักษณะคล้ายนั่งหลับในขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดอาคารและส่งมอบกุญแจห้องพักอาศัยโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า “ไม่มีอะไร กะพริบตา แล้วใครไปถ่ายก็ไม่รู้”

“บิ๊กจิ๋ว” รับมีรักใหม่ “ลูกสาวอดีต ส.ว.”แจงหย่า “คุณหญิงพันธุ์เครือ” แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการเผยแพร่ภาพ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 86 ปี กับสาวใหญ่คนหนึ่ง ทราบชื่อคือ น.ส.อรทัย สรการ ยงใจยุทธ หรืออรทัย สรการ หรือเธียรอุทก อายุ 53 ปี บุตรสาวของนายนิพนธ์ สรการ อดีตนายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านสุราษฎร์ธานี และอดีต ส.ว.ในเฟซบุ๊กของฝ่ายหญิง พร้อมกับมีการโพสต์ข้อความว่า “ความสุขและบั้นปลายชีวิตที่เหลืออยู่/ดูแลใส่ใจ-เป็นกำลังใจให้ท่านอย่างที่สุด” ภาพและข้อความในลักษณะดังกล่าวคล้ายถ่ายและเขียนขึ้นในงานแต่งงาน โดยมีบุตรชายคนโตและลูกสะใภ้ของ พล.อ.ชวลิตร่วมเป็นสักขีพยาน

พล.อ.ชวลิตให้สัมภาษณ์ว่า ได้แต่งงานกับหญิงคนดังกล่าวจริงเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา และได้อยู่กินร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ได้หย่าขาดกับคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้ปรากฏเป็นข่าว และได้ย้ายออกจากบ้านพักซอยปิ่นประภาคมที่เคยอยู่กับคุณหญิงพันธุ์เครือ และมาซื้อบ้านใหม่ย่านเกษตร-นวมินทร์เพื่ออยู่กินกับหญิงคนดังกล่าว ส่วนภาพที่ปรากฏทางโซเชียลนั้นไม่ได้ออกมาจากคนรักของตน แต่น่าจะออกมาจากผู้ไม่หวังดีมากกว่า

และว่า คนรักใหม่นั้นเป็นคน จ.นครสวรรค์ มีความใกล้ชิดและดูแลตนมาตลอดในช่วงที่สุขภาพไม่แข็งแรง จึงเกิดความใกล้ชิดและรู้ใจกัน เลยตกลงใจอยู่ร่วมกันแบบสามี-ภรรยา อย่างไรก็ตาม ตนให้เกียรติฝ่ายหญิงและพาออกงานสังคมด้วยตลอด