ร้องศาลสั่งรัฐบาลสหรัฐฯตั้งกองทุนให้คำปรึกษาสุขภาพจิตแก่เด็กอพยพที่ถูกจับแยก

วันที่ 13 กรกฎาคม 2561 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพสิทธิพลเมืองสหรัฐฯหรือ เอซีแอลยู องค์กรขับเคลื่อนเพื่อสิทธิพลเมืองของสหรัฐฯได้ทำเรื่องร้องต่อศาลให้มีคำสั่งให้รัฐบาลสหรัฐฯจัดให้มีการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตกับเด็กอพยพที่ถูกจับแยกจากพ่อแม่มาอยู่ในศูนย์กักกันราว 2,000 คน บริเวณชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก โดยคำร้องขอดังกล่าว มีขึ้นหลังจาก เอซีแอลยูได้ติดตามการทำงานของรัฐบาลสหรัฐฯในการส่งตัวเด็กอพยพที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี กลับไปสู่อ้อมอกพ่อแม่ แต่พบว่าดำเนินการอย่างล่าช้าจนเลยเส้นตายตามคำสั่งศาล

ในเอกสารคำร้องที่เอซีแอลยูยื่นต่อศาลระบุว่า รัฐบาลจะต้องตั้งกองทุนเพื่อจ่ายให้การผู้ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตที่เข้ามาทำหน้าที่เยียวยาจิตใจเด็กอพยพที่ต้องทรมานจากบาดแผลทางใจจากการถูกจับแยกจากครอบครัว ส่วนตัวเลขกองทุนนั้น ทางกลุ่มจะกำหนดในวันข้างหน้า

ไม่เพียงเท่านี้ เอซีแอลยูยังระบุเพิ่มว่า นอกจากการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตแล้ว ยังร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งให้รัฐบาลให้ข้อมูลภายในวันจันทร์นี้ เกี่ยวกับเด็กอพยพทั้งหมดที่ยังไม่กลับไปร่วมกับครอบครัวและเร่งตรวจสอบประวัติและยืนยันความสัมพันธ์ของครอบครัวโดยเร็ว

ขณะที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯกล่าวว่า กระบวนการส่งตัวกลับครอบครัวเป็นไปอย่างล่าช้าเพราะการตรวจสอบประวัติบุคคลและจากเอกสารของศาลพบว่า มี 1 รายที่ครอบครััวถูกส่งตัวกลับประเทศเพราะมีหมายจับคดีฆาตกรรมในประเทศกัวเตมาลา อีก 1 ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ส่วนครอบครัวอื่นถูกกันไม่ให้พบกันเพราะมีความผิดไม่ร้ายแรง เช่น เมาแล้วขับ

“ตลอดช่วงกระบวนการกลุ่มสู่อ้อมอกครอบครัว เป้าหมายของเราคือสวัสดิภาพที่ดีให้กับเด็กและกลับไปสู่ครอบครัวในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย” น.ส.เคิร์สเจน นีลเซ่น รมต.กระทรวงป้องกันมาตุภูมิ, นายเจฟฟ์ เซสชั่น อัยการสูงสุดและอเล็กซ์ อาซาร์ รมต.กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ กล่าวในแถลงการณ์ร่วม

นอกจากนี้ เบ็ธ เคราสฝ์ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายโครงการเยาวชนผู้อพยพของสมาคมช่วยเหลือทางกฎหมาย แถลงว่า “กระบวนการส่งกลับสู่ครอบครัว เป็นไปอย่างโกลาหลและใช้งบประมาณสูงอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่ผ่านมา เอซีแอลยูได้ยื่นร้องต่อศาลสั่งให้รัฐบาลเร่งส่งตัวเด็กอพยพที่ถูกจับแยก กลับไปสู่อ้อมอกครอบครัวอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เอซีแอลยูได้กล่าวเมื่อวานนี้ว่า จากการตรวจสอบพบว่า รัฐบาลสหรัฐฯดำเนินการไปอย่างล่าช้าจากกำหนด แต่รัฐบาลอ้างว่าได้ดำเนินการตามคำสั่งศาลแล้ว อีกทั้ง ตามเอกสารของศาลระบุว่า การดำเนินการส่งเด็กกลับไปหาผู้ปกครอง มีเพียง 46 จาก 103 คน ที่ยังคงถูกจับแยกทั้งด้วยเหตุผลของความปลอดภัย ผู้ปกครองถูกส่งตัวกลับประเทศและเหตุผลอื่นๆ อีกทั้งยังระบุสาเหตุของความล่าช้าว่า เกิดจากการตรวจสอบประวัติบุคคลที่ต้องใช้เวลานาน