‘สมชัย’ อัดไพรมารีโหวต จบแบบผู้ร้าย ชี้แม้แค่พิธีกรรม แต่ไม่ควรถอย แนะปรับปรุงเรียนรู้

‘สมชัย’ชี้ต้องเดินหน้าทำไพรมารีโหวต ไม่ควรถอย แม้เป็นแค่พิธีกรรม เปรียบเริ่มต้นเป็นพระเอก แต่ตอนจบเป็นผู้ร้าย

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม วิทยาลัยการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า ได้จัดการสัมมนาวิชาการเรื่อง “การเลือกตั้งขั้นต้น : ทางออกการเลือกตั้งหรือทางตันประชาธิปไตย?” โดยมีการสัมมนาหัวข้อ “การเมืองไทยกับระบบไพรมารีโหวต : ทางออกการเลือกตั้งหรือทางตันประชาธิปไตย โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. กล่าวตอนหนึ่งว่า ระบบไพรมารีโหวตในครั้งนี้อาจเกิดจากการออกแบบ 2 แบบ คือ 1.ออกแบบโดยปัญญาเพื่อแก้ปัญหา มีการเอารูปแบบจากต่างประเทศมาปรับใช้ให้เหมาะสม และ 2.ออกแบบโดยอคติเพื่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ หรือเป็นประโยชน์ต่อพวกพ้องตัวเอง ซึ่งมองว่าเป็นไปได้ทั้ง 2 ทาง ทั้งนี้ กระบวนการทำไพรมารีโหวตนั้นแต่ละพรรคจะต้องตั้งคณะกรรมการสรรหา และให้สมาชิกพรรคจัดประชุมสาขาพรรคในแต่ละเขต 100 คนขึ้นไป หรือเขตที่ไม่มีสาขาก็จัดประชุมตัวแทนพรรคในแต่ละเขต 50 คนขึ้นไป ซึ่งรูปแบบแบบนี้ตนใช้คำว่าไม่เห็นประโยชน์อะไรเลย เพราะหากจังหวัดนั้นมีสมาชิกพรรคเพียง 50 คนก็จะสามารถประชุมตัวแทนพรรคได้และเลือกผู้สมัครทุกเขตในจังหวัดได้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวไม่ได้ทำให้เกิดผลการเป็นตัวแทนประชาชนเลือกผู้สมัครอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ตนไม่ได้มีความรู้สึกว่าเป็นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกผู้สมัคร แต่เป็นกระบวนการในเชิงหลอกลวง ให้เห็นเหมือนว่าเรามีการเลือกตั้งแล้ว มีการทำไพรมารีโหวตแล้ว เป็นประชาธิปไตยแล้วทั้งที่ไม่ใช่ นอกจากนั้นยังมีการเสนอแก้ไขให้มีการทำไพรมารีโหวตเป็นรายภาคแทนหากทำทุกจังหวัดไม่ไหว ซึ่งตนก็ยิ่งรู้สึกว่าจะทำให้กระบวนการดังกล่าวอ่อนปวกเปียกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้แม้หลักการดังกล่าวจะดี แต่จะต้องช่วยกันทำให้ระบบเข้มแข็งมากขึ้น เพราะการทำไพรมารีโหวตในครั้งแรกอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

“จุดยืนของผมไม่ควรถอย ไม่ควรยกเลิกแม้จะดูเป็นพิธีกรรม ไม่ควรลดทอนรูปแบบ แต่ควรลองทำกันไปเพื่อให้รู้ถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ซึ่งผมไม่มั่นใจว่าการทำไพรมารีโหวตผลที่ออกมาจะดีหรือไม่ เพราะเป็นการทำครั้งแรก แต่เมื่อเราคิดว่าปัญหาในอดีตมีและคิดว่ารูปแบบไพรมารีโหวตจะสามารถปรับใช้กับเราได้ ก็ต้องลองทำดู อย่าเพิ่งไปถอย และหากคนที่ถอยมาจาก รัฐบาล กรธ.หรือ สนช.เอง ก็เท่ากับว่าขาดวุฒิภาวะอย่างแท้จริง เพราะทำประเทศเหมือนการขายของเด็กเล่น อยากคิดก็คิดอยากเขียนกฎหมายอะไรก็เขียน พอวันหนึ่งก็เปลี่ยนทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม ส่วนการดูด ส.ส.นั้น ผมมองว่าเป็นการทำลายระบบไพรมารีโหวต เพราะเป็นการไปดูที่ยอดก่อน ค่อยไปจัดตั้งคนไปลงคะแนนเพื่อเป็นพิธีกรรม ทั้งนี้หากกระบวนการดังกล่าวมาจากฝ่ายที่ร่างกติกาถือว่าเลวมาก เพราะท่านร่างกติกาเอง บอกจะปฏิรูปการเมือง ให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง แต่ท่านก็ทำลายกติกาเอง” นายสมชัยกล่าว

นายสมชัยกล่าวอีกว่า ขณะนี้เหมือนกับว่าไพรมารีโหวตเปิดตัวแบบพระเอก แต่ตอนจบเป็นผู้ร้าย คือเริ่มต้นจากหลักการที่ดี แต่ในความเป็นจริงอาจจะไม่เกิดขึ้นตามหลักการดังกล่าว เพราะพรรคจะไปคิดถึงคนที่ชนะเลือกตั้ง คนมีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์อะไร โดยผู้ร้ายตัวจริงไม่ใช่ไพรมารีโหวต แต่เป็นการเขียนกติกาแบบเกรงใจ จนทำให้ไพรมารีโหวตกลายเป็นผู้ร้าย เพราะกลัวพรรคเล็กจะทำไม่ไหว กลัวพรรคใหญ่จะได้รับเลือกตั้ง และตนคิดว่าภายใต้บทเฉพาะการและกติกาในปัจจุบันนี้ ไพรมารีโหวตกลายเป็นผู้ร้ายที่ยากจะเยียวยาให้กลับมาเป็นพระเอกได้ แต่หากคิดว่าเป็นการฝึกปฏิบัติ เป็นการเรียนรู้ และระยะหลังก็จะดีขึ้น ซึ่งตอนมองว่าไพรมารีโหวตจะดูเหมือนทางออกแต่จะกลายเป็นทางตัน แม้จะดูเหมือนเป็นทางตันก็อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันทะลุทุลวงให้ได้ เพราะหลักการเริ่มต้นถูกต้องแล้ว หากทำได้ครบถ้วนสมบูรณ์ก็จะดีขึ้น แต่อย่าเพิ่งยอมแพ้ตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตามขอยกตัวอย่างบอลโลก ฟีฟ่าไม่ควรจะมีทีมฟุตบอลลงแข่ง เพราะหากมีการส่งทีมลงแข่ง กติกาที่กำหนดก็จะไปเอื้อให้กับทีมของฟีฟ่า