สรุปข่าวต่างประเทศ : นาจิบ ราซัก ถูกนำตัวขึ้นศาลเพื่อรับฟังข้อกล่าวหา / สำนักพระราชวังญี่ปุ่นประกาศข่าวการทรงหมั้นของเจ้าหญิงอายาโกะ / เรือโดยสารข้ามฟากในอินโดฯถูกคลื่นซัดเสียชีวิต 29 ราย

สรุปข่าวต่างประเทศ

มาเลเซีย

กัวลาลัมเปอร์ – สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานการสอบสวนคดีทุจริตเงินกองทุนพัฒนามาเลเซีย (1เอ็มดีบี) มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐว่า นายนาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย วัย 64 ปี ถูกนำตัวขึ้นศาลในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เพื่อรับฟังข้อกล่าวหา โดยนายนาจิบได้ถูกตั้งข้อหาว่ากระทำทุจริตด้วยการรับเงินสินบนจำนวน 42 ล้านริงกิต (ราว 10.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และการประพฤติโดยมิชอบรวม 3 ข้อหา ซึ่งในแต่ละข้อหามีบทลงโทษสูงสุดคือจำคุก 20 ปี โดยเจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก่อนที่ศาลจะอนุญาตให้ประกันตัวไปด้วยหลักทรัพย์ค้ำประกันมูลค่า 1 ล้านริงกิต การขึ้นศาลของนายนาจิบครั้งนี้มีขึ้น 1 วันหลังจากนายนาจิบถูกเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามการทุจริตบุกเข้าจับกุมตัวที่บ้านพักในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ส่วนหนึ่งของการสอบสวนคดีทุจริตเงินกองทุน 1 เอ็มดีบีอันอื้อฉาวที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นายนาจิบและพรรคพันธมิตรต้องลงจากอำนาจหลังพ่ายแพ้ไปอย่างหมดท่าในการเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซียครั้งที่ผ่านมา

จากการเปิดเผยของคณะทำงานชุดสอบสวนในคดีนี้ระบุว่านายนาจิบถูกจับกุมจากการพัวพันในหลายข้อหา ซึ่งรวมถึงการทุจริตเงินในบริษัทพลังงาน เอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เดิมเป็นบริษัทลูกของ 1 เอ็มดีบี ซึ่งก่อนหน้านี้วอลล์สตรีตเจอร์นัลรายงานว่ามีเงินจากบริษัทเอสอาร์ซีจำนวนราว 10.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้ถูกโอนไปอยู่ในบัญชีธนาคารส่วนตัวของนายนาจิบ อย่างไรก็ดี เงินจำนวนนี้ยังเป็นส่วนเพียงเล็กน้อยจากจำนวน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ถูกกล่าวหาว่ามีการยักยอกไปจากกองทุน 1 เอ็มดีบีเข้าไปยังบัญชีส่วนตัวของนายนาจิบ อย่างไรก็ดี นายนาจิบ ครอบครัวและคนใกล้ชิดนายนาจิบที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมต่างปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด

ก่อนหน้านี้ชุดสอบสวนยังได้ทำการอายัดบัญชีธนาคารกว่า 400 บัญชีที่เป็นของบุคคลและบริษัทหลายแห่งมีมูลค่ารวมกันราว 1,100 ล้านริงกิต รวมถึงอายัดบัญชีธนาคารของพรรคอัมโนของนายนาจิบ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนในคดีทุจริตเงินกองทุน 1 เอ็มดีบีด้วย

ญี่ปุ่น

โตเกียว – สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักพระราชวังอิมพีเรียลของญี่ปุ่นประกาศข่าวการทรงหมั้นของเจ้าหญิงอายาโกะ พระชันษา 27 ปี พระธิดาพระองค์เล็กของเจ้าชายทาคามาโดะผู้ล่วงลับ ผู้ทรงเป็นพระประยูรญาติในสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะแห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น กับนายเคอิ โมริยะ หนุ่มสามัญชน วัย 32 ปี ที่ทำงานอยู่ในบริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง ในการแถลงข่าวที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา ก่อนที่พิธีแลกของหมั้นตามประเพณีปฏิบัติดั้งเดิมที่เรียกว่าพิธีโนไซโนกิระหว่างเจ้าหญิงอายาโกะและพระคู่หมั้นจะมีขึ้นในวันที่ 12 สิงหาคม หลังจากนั้นจะมีการจัดพิธีเสกสมรสขึ้นที่ศาลเจ้าเมจิในกรุงโตเกียว ในวันที่ 29 ตุลาคมต่อไป ซึ่งสื่อญี่ปุ่นรายงานว่าหลังพิธีเสกสมรส เจ้าหญิงอายาโกะจะทรงสละฐานันดรและออกจากสำนักพระราชวังไปพร้อมกับพระสวามีซึ่งเป็นไปตามกฎมนเทียรบาลของญี่ปุ่น

สำหรับเส้นทางรักของเจ้าหญิงอายาโกะที่ปรากฏในสื่อระบุว่าเจ้าหญิงฮิซาโกะ พระมารดาของเจ้าหญิงอายาโกะ ทรงเป็นผู้แนะนำให้เจ้าหญิงอายาโกะทรงทำความรู้จักกับนายเคอิเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาและได้คบหาเรียนรู้กัน โดยนายเคอิเป็นลูกชายของนางคิมิเอะ ผู้อำนวยการบริหารองค์กรเด็กไร้พรมแดนที่เจ้าหญิงฮิซาโกะทรงรู้จักมานาน

อินโดนีเซีย

จาการ์ตา – สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เกิดอุบัติเหตุเรือโดยสารข้ามฟาก ชื่อเคเอ็ม เลสทารี ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารราว 140 คน และรถยนต์อีกหลายสิบคัน ประสบเหตุเกยตื้นนอกชายฝั่งเกาะเซลายาร์ในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากเรือข้ามฟากลำนี้ได้ถูกกระแสลมกระโชกแรงและคลื่นรุนแรงซัดกระหน่ำจนตัวเรือได้รับความเสียหายอย่างหนักและทำให้น้ำทะลักเข้าเรือ เป็นผลให้กัปตันเรือตัดสินใจขับเรือให้เกยตื้นใกล้ชายฝั่ง อย่างไรก็ดี อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 29 ราย และยังสูญหาย 41 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ช่วยผู้โดยสารที่อยู่บนเรือขึ้นมาได้เกือบ 70 ราย มีรายงานว่าเรือโดยสารข้ามฟากลำนี้ยังกำลังขนเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซียจำนวนราว 2 ล้านรูเปียห์ของธนาคารสาขาหนึ่งบนเกาะเซลายาร์เพื่อที่จะนำไปจ่ายเป็นค่าโบนัสให้แก่ข้าราชการท้องถิ่นด้วย

นับเป็นอุบัติเหตุทางน้ำครั้งเลวร้ายล่าสุดของอินโดนีเซีย หลังจากเพิ่งเกิดเหตุเรือโดยสารข้ามฟากประสบเหตุล่มกลางทะเลสาบบนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน เป็นผลให้มีผู้สูญหายกว่า 160 ราย