‘โบว์ณัฏฐา’ จ่อเอาผิดเพจกุข่าวป้องนักโทษประหาร ถูกคุกคามหนักถึงลูกชาย

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 มิถุนายน ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย นางสาวณัฏฐา มหัทธนา หรือ “โบว์” แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง แถลงข่าวกรณีข่าวปลอมและการคุกคามจากการแสดงความเห็นถึงอาชญากรรมออนไลน์กับวัฒนธรรมประชาธิปไตยที่ต้องสร้าง ระบุว่าหลังจากมีการประหารชีวิตครั้งล่าสุดและแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน แชร์กิจกรรมชวนคนแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับการประหารชีวิต ตนเห็นว่าเป็นการแสดงออกด้านสิทธิมนุษยชนทำเป็นเชิงสัญลักษณ์อย่างสันติ จึงช่วยแชร์กิจกรรมให้ ไม่ได้เป็นไปเพื่อไว้อาลัยผู้ถูกประหารชีวิต แต่เพื่อแสดงการไม่เห็นด้วยกับการใช้โทษประหารชีวิต ไม่ได้ไม่ต้องการให้อาชญากรถูกลงโทษ แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการลงโทษ หลายคนคอมเมนต์ว่าตนเป็นผอ.แอมเนสตี้ฯ และได้เงินเดือนจากองค์กรนี้ แต่ตนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆเลย

“มีแถลงการณ์จากยูเอ็น สหภาพยุโรป องค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลกหลังมีการใช้โทษประหารชีวิต ไม่ใช่เพื่อปกป้องผู้กระทำผิด แต่เป็นการปกป้องหลักการตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งประเทศไทยได้ลงนามรับรองไว้ เมื่อมีการละเมิดสิทธิมนุษยชน องค์กรเหล่านี้ก็มีการออกแถลงการณ์ทันที เช่นเดียวกับ เช่นเดียวกับกรณีอื่นเพื่อให้เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนในปฏิญญาสากล ซึ่งข้อ3และ 5 ระบุว่าทุกคนมีสิทธิในการมีชีวิต บุคคลมีสิทธิในการดำรงชีวิตในเสรีธรรมและในความมั่นคงแห่งร่างกาย และบุคคลใดจะถูกทรมาน หรือได้รับการปฏิบัติ หรือลงทัณฑ์ซึ่งทารุณโหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือหยามเกียรติมิได้ การแถลงการณ์ปกป้องสิทธิจึงเป็นการปกป้องสิทธิของทุกคนรวมถึงเหยื่อด้วย เหยื่ออาชญากรรมเป็นบุคคลที่น่าสงสารที่สุดแน่นอน สมควรได้รับการเห็นใจที่สุด

“เพราะมีปฏิญญาสากล ประเทศที่รับรองสิทธิจึงต้องมีบทลงโทษผู้ที่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น ตั้งแต่เฆี่ยนตีโบยทรมานจำคุกประหารชีวิต หากเลือกใช้วิธีการขัดกับหลักที่บัญญัติไว้ องค์กรเหล่านี้จึงทำหน้าที่แถลงการณ์ ไม่ได้คัดค้านการลงโทษ แต่ค้านการลงโทษด้วยการฆ่า เช่นเดียวกับคัดค้านการฆ่าทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสงครามหรืออาชญากรรม”

นางสาวณัฏฐา เปิดเผยว่า หลังตนแชร์โพสต์กิจกรรมออกไปมีคนไม่พอใจจำนวนมาก เข้ามาด่าทออย่างรุนแรงโดยไม่ได้เถียงกันด้วยเหตุผล จนเริ่มมีการคุกคามกัน จากนั้นมีคนแชร์ภาพโควตคำพูดที่ตนไม่เคยพูดมาก่อน ชิ้นแรกเผยแพร่ครั้งแรกจากทีนิวส์ แต่เป็นกราฟิกที่ทำโดยเพจ “มั่นใจคนไทยทั้งแผ่นดินเชียร์ลุงตู่” ตนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพจเดียวกับทีนิวส์ เพราะทีนิวส์นำมาเผยแพร่ก่อนเพจดังกล่าวลงโพสต์ตามทีหลังราว 1 ชั่วโมง ระบุว่า “ถ้าโบว์โดยฆ่าข่มขืนขอร้องอย่าประหารคนร้ายนะคะ เขาไม่ได้ทำผิดร้ายแรง มันไม่ช่วยแก้ปัญหา” ซึ่งตนไม่เคยพูดเลย ตนเพียงสนับสนุนจุดยืนการทำงานของแอมเนสตี้ฯ ซึ่งไม่สนับสนุนการฆ่าทุกกรณี

ต่อมาเพจอื่นเริ่มทำโควตบิดเบือนตาม เช่น เพจเดรัจฉานนิวส์เขียนว่า “ถ้าโบว์โดนข่มขืน อย่าประหารคนร้ายนะคะ” ตนสังเกตว่าเพจเหล่านี้มีจุดยืนทางการเมืองตรงข้ามกับตน จึงตั้งข้อสังเกตว่าการสร้างข้อมูลเท็จเผยแพร่นี้มีแรงจูงใจทางการเมือง แต่ละเพจที่เผยแพร่มีการเร้าให้เกิดอารมณ์จนโพสต์แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว คอมเมนต์ส่วนใหญ่สนับสนุนให้ตนถูกล่วงละเมิดหรือข่มขืน เช่น ที่มีคนบอกว่าถ้ามีเงินจะจ้างนักสืบค้นที่อยู่บ้านโบว์และจ้างผู้ชาย20คนมาข่มขืนโบว์ บางคอมเมนต์บอกให้ข่มขืนลูกชายก่อนแล้วข่มขืนแม่ บางคนสนับสนุนให้ข่มขืนแล้วปาดคอ บางคนเอาภาพลูกชายวัยประถมของตนไปโพสต์ข่มขู่ว่าจะถูกล่วงละเมิดทางเพศ

น.ส.ณัฏฐาเรียกร้องถึงการใช้จรรยาบรรณสื่อที่ก่อให้เกิดการบิดเบือนสร้างความเกลียดชัง และมีการคุกคามทางออนไลน์ ตนจะไม่ดำเนินคดีกับคนทั่วไปที่แชร์และคอมเมนต์ข่มขู่ทำร้าย เพราะเชื่อว่าเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ และเข้าใจถึงข้อจำกัดทางวุฒิภาวะอารมณ์และทักษะการวิเคราะห์แยกแยะ จึงให้อภัยอโหสิกรรมแก่คอมเมนต์เหล่านั้น แต่เพจที่จงใจสร้างข้อมูลเท็จ ได้ย้อนดูพฤติกรรมของเพจเหล่านั้นพบว่าขาดจรรยาบรรณการเป็นสื่ออย่างต่อเนื่องและเป็นภัยต่อสังคม จึงไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ ตนจะส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่และให้สังคมช่วยจับตาว่าเจ้าหน้าที่ซึ่งแข็งขันในการปิดเพจวิพากษ์วิจารณ์รัฐ จะแข็งขันต่อกรณีที่มีการสร้างข่าวปลอมบิดเบือนและเป็นภัยต่อสังคมเช่นนี้หรือไม่

ส่วนที่ เสก โลโซ นักร้องดัง แชร์โพสต์ข้อความบิดเบือน น.ส.ณัฏฐาเผยว่าจะไม่ดำเนินคดีกับเสกโลโซ แม้โพสต์ดังกล่าวถูกลบไปแล้ว แต่บุคคลสาธารณะอย่างเสกที่มีผู้ติดตามเยอะต้องใช้วิจารณญาณมากเป็นพิเศษ เสกเองก็เคยเป็นเหยื่อของโพสต์ปลอมลักษณะนี้ ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่จะมีโพสต์โดยไม่ระมัดระวัง

“เรื่องโทษประหารเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันได้อีกยาวนาน แต่ต้องเริ่มวัฒนธรรมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแสดงออกอย่างประชาธิปไตย การเลิกโทษประหารต้องมีการแก้กฎหมาย ต่อสู้ทางความคิดอย่างอารยะ ถกเถียงกันในสังคม จนฝ่ายอยากแก้ได้เสียงมากพอจะเสนอต่อสภาผู้แทนฯ และจบที่การลงมติ ไม่ใช่ว่าเถียงในเฟซบุ๊กแล้วจะแก้กฎหมายได้เลย แต่ประเทศอยู่ภายใต้การปกครองระบบเผด็จการไม่มีสภาปกติมา4ปีแล้ว คนไทยจึงอาจลืมว่าเราไม่จำเป็นต้องฆ่าคนที่คิดต่าง เพราะกระบวนการจะจบลงที่สภา สิทธิเสรีภาพการแสดงออกเป็นของทุกคน โบว์ไม่เคยลบคอมเมนต์หรือบล็อกใครถ้าไม่มีการคุกคามอย่างรุนแรง แม้เราไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพูด แต่เราจะปกป้องสิทธิในการพูดของคุณ” น.ส.ณัฏฐากล่าว