‘พิชัย’ ห่วงแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีทำไทยลงเหว!

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2561 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า อยากขอเตือน และยังขอยืนยันว่า ยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่บังคับรัฐบาลในอนาคตต้องปฏิบัติตามจะเป็นปัญหาของประเทศ ถึงขนาดอาจทำให้ประเทศลงเหวได้ โดยอยากให้คิดง่ายๆ ว่า เอาคนที่ฉลาดที่สุดในโลก 10 คนมาถาม เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้าตอบว่าอีก 20 ปีข้างหน้าโลกจะเป็นอย่างไร และรัฐบาลและ คสช.จะมีความรู้สู้พวกเขาเหล่านั้นได้หรือไม่ จึงจะมากำหนดยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่รัฐบาลอนาคตต้องปฏิบัติตามและห้ามเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ไม่อยากให้รัฐบาลและ คสช.สร้างปัญหาให้กับประเทศเพิ่มขึ้นอีก เพราะแค่รัฐธรรมนูญนี้ก็มีปัญหามากมายอยู่แล้ว และการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ทำได้ยากหรืออาจทำไม่ได้เลย ซึ่งนับเป็นปัญหาใหญ่อยู่แล้ว ยังจะมาทำยุทธศาสตร์ 20 ปีที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ก็จะยิ่งเป็นปัญหาเพิ่มขึ้นอีก อีกทั้งจะมีการเลือกตั้งอยู่แล้วในต้นปีหน้า การกำหนดอนาคตของประเทศน่าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ประชาชนเลือกมามากกว่า

ทั้งนี้ ถ้าหากดูผลงาน 4 ปีที่ผ่านมา ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นว่ารัฐบาลและ คสช.ทำให้ประเทศดีขึ้น แถมยังอาจเห็นว่าทำแย่ลง ขนาดทำมา 4 ปียังแย่ขนาดนี้แล้วจะมากำหนดยุทธศาสตร์ 20 ปี จะไม่ยิ่งย่ำแย่ไปกันใหญ่หรือ จะให้กลุ่มคนที่บริหารประเทศล้มเหลวมากำหนดอนาคตให้กับประเทศได้อย่างไร ไม่อยากให้เอาอนาคตของประเทศมาเสี่ยงกับการจะใช้ยุทธศาสตร์ 20 ปี เพื่อเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ โดยเฉพาะเรื่องปัญหาปากท้องของพี่น้องที่มีรายได้น้อยจะยิ่งลำบากมากขึ้นไปอีก

“อยากขอเตือนว่า สภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริงไม่ได้ดีอย่างที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจพยายามออกมาเกลี้ยกล่อมให้คนเชื่อ แม้ตัวเลขจะดีขึ้นบ้าง แต่ใช้เวลาถึง 4 ปี กว่าจะมากระเตื้อง ซึ่งในระหว่าง 4 ปีนี้ ประชาชนลำบากกันอย่างมากแล้ว เศรษฐกิจไม่ได้ดีตลอด 4 ปีอย่างที่พลเอกประยุทธ์เข้าใจ หรืออาจได้รับรายงานมาผิดๆ อีกทั้งยังมีปัญหาและความเสี่ยง ซึ่งตอกย้ำเรื่องรวยกระจุกจนกระจาย เช่น หนี้เสียในระบบธนาคารที่ยังเพิ่มขึ้น หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูง การว่างงานมีมากขึ้นถึงกว่า 470,000 คน โดยเฉพาะระดับปริญญาตรีว่างงานถึงกว่า 1.7 แสนราย และพวกเขาคงไม่ได้เลือกงานอย่างที่พลเอกประยุทธ์ตำหนิ ยอดลงทุนการตั้งโรงงานใน 5 เดือนของปีนี้ กลับลดลงถึง 26.16 % สวนทางกับยอดขอส่งเสริมการลงทุนที่นายสมคิดคุยนักคุยหนาว่ามียอดเพิ่มขึ้น ซึ่งแปลว่ามีแต่ยอดขอส่งเสริมแต่ไม่ได้มีการลงทุนจริง และ การลงทุนของต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์ที่นายสมคิดชอบอ้างถึงกลับมียอดการเทขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติกว่า หนึ่งแสนหกหมื่นล้านบาทแล้วตลอด 5 เดือนของปีนี้ และระยะหลังนี้ยิ่งมียอดการเทขายสุทธิหนักมากพร้อมกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ทรุดลงซึ่งแสดงถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อรัฐบาลและสถานการณ์ของประเทศใช่หรือไม่ อยากให้นายสมคิดได้ออกมาอธิบายด้วย หรือนายสมคิดจะบอกว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถโตได้เองโดยไม่พึ่งต่างชาติอีก เหมือนที่เคยบอกในปีแรกๆ” นายพิชัยกล่าว

นายพิชัยกล่าวต่อว่า เวิลด์แบงก์ได้เตือนว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะตกต่ำลงได้ใน 1-2 ปีข้างหน้านี้ ซึ่งไทยเองก็จะต้องระวัง และเวิลด์แบงก์ยังเตือนอีกว่าถึงแม้ปีนี้ไทยจะขยายตัวได้ดีแต่ปีหน้าและปีต่อไปการเติบโตของไทยน่าจะขยายตัวได้ลดลง ซึ่งจะเป็นปัญหาได้