พท.ย้ำ อำนาจจัดเลือกตั้งเป็นของกกต. คสช.มีแนวทางเผด็จการ-มีส่วนได้เสีย ไม่ควรมายุ่ง

“ชูศักดิ์” ย้ำ พท.ยังคิดว่าอำนาจในการจัดการลต.เป็นของกกต. คสช.คือผู้มีส่วนได้เสีย การจัดวงหารืออะไรต่างๆจึงขาดความชอบธรรม

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีการประชุมร่วมกันระหว่าง กกต. กรธ. และสนช.เพื่อแก้ปัญหาอันเกิดจากคำสั่งที่ 53/2560 ว่า จริงๆแล้วปัญหาทั้งหมดเกิดจากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 มาแก้ไขเปลี่ยนแปลงสารสำคัญของพรป.พรรคการเมือง 2560 ทำให้เกิดการผิดฝาผิดตัว มีปัญหาติดตามมาหลายประการ กลายเป็นวัวพันหลัก เช่นพรรคต้องออกข้อบังคับใหม่แต่ต้องผ่านการประชุมใหญ่ ประชุมใหญ่ต้องมีสาขาเป็นองค์ประกอบ แต่คำสั่งที่ 53 ยุบสาขาไปเสียหมด องค์กรที่ตรากฎหมายไม่ใช่องค์กรเดียวกัน ปัญหาจึงเกิดและไม่ใช่ปัญหาเดียว มีหลายปัญหาเต็มไปหมด ถามว่าจะใช้มาตรา 44 แก้ไขปัญหาจะดีหรือไม่ เราไม่เห็นด้วยกับการใช้มาตรา 44 ไม่ว่ากรณีใดๆ เพราะเป็นการใช้อำนาจขององค์กรอื่นๆ เป็นการใช้อำนาจที่ไม่ถูกตรวจสอบใดๆได้เลยเพราะรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญและก.ม. จึงเป็นเรื่องแนวทางเผด็จการชัดๆ ดังนั้นถ้าเห็นว่าการออกคำสั่งที่ 53 มีปัญหา ก็ควรยกเลิกคำสั่งดังกล่าวเสียเลยแล้วกลับไปใช้กฎหมายพรรคการเมือง ใช้กระบวนการปกติ หากจะแก้ปรับปรุงอะไรก็แก้กันตามระบบปกติโดยคสช.ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าคสช.จะมีการเชิญพรรคการเมืองเข้าหารือในประเด็นการเตรียมความพร้อมเรื่องการเลือกตั้ง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เรายังคงยืนยันว่าควรเป็นเรื่องของกกต.ที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง นอกจากนั้นขณะนี้มีแนวโน้มชัดเจนว่ามีการจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุนคสช.ให้อยู่ในอำนาจต่อไป คสช.เองจึงกลายเป็นผู้มีส่วนได้เสีย การมาจัดวงหารืออะไรต่างๆจึงขาดความชอบธรรม