ปปง.ยึดทรัพย์ ‘พุฒิพัฒน์’ อดีตปลัดพม.กับพวก เกือบ 100 ล้าน ทุจริตโกงเงินคนไร้ที่พึ่ง

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการปปง.เปิดเผยถึงมติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุมเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ตามที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ ปปง. ตรวจสอบ ธุรกรรมและทรัพย์สินของกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ทุจริตการยักยอกเงินช่วยเหลือคนยากไร้ ซึงมีความเกี่ยวข้องกับ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ปปง. ได้ดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกแล้วพบว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ 3 ราย ได้แก่ นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายณรงค์ คงคา อดีตรองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ อดีตผู้ตรวจราชการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีพฤติการณ์ทุจริตการยักยอกเงินช่วยเหลือคนยากไร้

โดยพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลดังกล่าวมีลักษณะ การทำงานเป็นขบวนการผ่านทางการจัดสรรเงินงบประมาณลงไปยังศูนย์และหน่วยงานต่างๆ ในสังกัดทั่วทุกภาค และมี การจัดทำเอกสารการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอันเป็นเท็จ โดยนำเงินที่ได้จากการทุจริตเบิกจ่ายส่งกลับคืนไปยังผู้บริหาร กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการในขณะนั้น และแปลงเงินไปเป็นทรัพย์สินในรูปแบบอื่นให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ เช่น ที่ดิน ห้องชุด รถยนต์หรู เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักทรัพย์ต่างๆ ซึ่งจากการสืบสวนข้อมูลทางการเงินและ ข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องพบว่า มีการได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานตาม กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นจำนวนมาก

คณะกรรมการธุรกรรมมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่ เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายพุฒิพัฒน์ นายณรงค์ และนายธีรพงษ์ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับบุคคลดังกล่าว ประมาณ 12 ราย เช่น ที่ดิน ห้องชุด รถยนต์หรู เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และหลักทรัพย์ต่างๆ รวม 41 รายการ มูลค่าประมาณ 88 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มคนดังกล่าวมีพฤติการณ์กระทำความผิดทางอาญาฐานฟอกเงิน ซึ่งปปง. จะได้ดำเนินการกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญา ความผิดฐานฟอกเงินกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ขอแจ้งเตือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการทุจริตในหน้าที่ว่า นอกจากจะถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแล้ว หากใครมีพฤติการณ์ในการรับหรือโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการทุจริตก็อาจต้องถูกดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงิน ซึ่งมีโทษ จำคุก 10 ปีต่อการโอนหรือรับโอน 1 ครั้ง กล่าวโดยสรุปแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต นอกจากจะถูกยึดหรืออายัด ทรัพย์สินแล้ว ตัวผู้กระทำความผิดเอง ผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ หรือนอมินี ที่รับโอนทรัพย์สินจากผู้กระทำความผิดทุกคนก็ยัง อาจต้องถูกลงโทษจำคุกในความผิดฐานฟอกเงินด้วย