“โบว์-ณัฏฐา” ประณามตร.เอาผิดปชช. แชร์ข้อมูลวิจารณ์ คสช. ร้องสังคมร่วมปกป้องสิทธิ

เมื่่อวานนี้ (12 มิถุนายน 2561) ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรม หนึ่งในแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้ออกมาแสดงความเห็นบนเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมกับประณามการใช้อำนาจริดลอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน จากที่มีรายงานข่าว การดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่แชร์ข้อความที่มีการเผยแพร่จากเฟซบุ๊กแฟนเพจที่มีจุดยืนต่อต้านรัฐบาล คสช.  โดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้ดำเนินคดีประชาชนที่แชร์ข้อความจำนวนทั้งสิ้น 7 ราย และอยู่ระหว่างออกหมายเรียกกว่า 20 ราย และออกหมายจับแอดมินเพจซึ่งอยู่ที่อังกฤษนั้น

น.ส.ณัฏฐากล่าวว่า ขอประณามอย่างรุนแรงต่อการออกหมายจับแอดมินเพจ KonthaiUkและตั้งข้อหากับประชาชนที่แชร์ข้อมูลวิพากษ์วิจารณ์ต่อกรณีที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะซื้อดาวเทียมมูลค่า 91,200 ล้านบาท และตั้งคำถามต่อการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้

“ในประเทศประชาธิปไตย การวิจารณ์และตั้งคำถามในลักษณะดังกล่าวไม่เพียงไม่เป็นความผิด แต่ยังเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการตั้งคำถามและการตรวจสอบจากภาคประชาชนเป็นโอกาสให้รัฐบาลได้ตื่นตัวเพื่อป้องกันการคอรัปชั่นและชี้แจงอย่างเป็นทางการหากมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความจริง คงมีเพียงเผด็จการเท่านั้นที่ต้องการตัดตอนกระบวนการดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้น ทั้งที่ในสภาก็ไม่มีฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบ และสื่อก็ถูกควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จผ่านการใช้อำนาจตามม.44และคำสั่งหัวหน้าคสช.” น.ส.ณัฏฐา กล่าว

น.ส.ณัฏฐาระบุอีกว่า สิ่งที่นายตำรวจคนสนิทของพล.อ.ประวิตรทำกับประชาชนผู้ถูกตั้งข้อหาในวันนี้ คือการย้อนศรกฎหมาย คำว่า“ความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ” ที่กล่าวหาว่าประชาชนได้ทำผ่านการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวนั้น แท้จริงคือพวกท่านต่างหากที่กำลังทำให้เกิดความเสียหาย

“ประเทศที่มีนายพลที่มีนาฬิกาหรูยี่สิบกว่าเรือนและไม่ได้แสดงบัญชีรายการทรัพย์สิน แล้วเวลาผ่านไปครึ่งปีนับแต่มีการตั้งคำถามก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการตรวจสอบ แต่กลับดำเนินคดีปิดปากประชาชนที่วิจารณ์และตั้งคำถามกับนายพลคนเดิมเพื่อรักษาประโยชน์สาธารณะกับสิ่งใหม่ที่มีมูลค่าเกือบแสนล้านบาท จะเป็นประเทศที่มีความมั่นคงไปได้อย่างไร?” น.ส.ณัฏฐา ระบุอีก

ทั้งนี้ น.ส.ณัฐฏาได้ระบุ ขอเรียกร้องให้องค์กรสิทธิฯ สื่อมวลชน นักวิชาการ และสังคมร่วมกันแสดงจุดยืนปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก เพื่อไม่ให้เราต้องอยู่ในสังคมที่ปกคลุมไปด้วยความหวาดกลัว อันจะนำสู่การปิดปากตัวเอง และสกัดกั้นการเกิดขึ้นของระบอบประชาธิปไตยแทนที่ระบอบมาเฟียที่รัฐบาลคสช.ได้สร้างไว้ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา