สภาเวียตนามรับรองกม.ความมั่นคงไซเบอร์แล้ว คุมเข้มโลกออนไลน์ องค์กรสิทธิฯห่วงริดลอนเสรีภาพ

วันที่ 12 มิถุนายน 2561 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สภาชิกสภาสมัชชาเวียตนามมีมติเห็นชอบผ่านกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ในวันนี้ โดยการพิจารณากฎหมายของสภามีขึ้นท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากการชุมนุมประท้วงของชาวเวียตนามที่ต่อต้านร่างกฎหมายจัดสรรที่ดินให้นักลงทุนต่างชาติเช่าบนเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นเวลานานถึง 99 ปี จนกลายเป็นการลุกฮือครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศโลกคอมมิวนิสต์

กฎหมายนี้ 91% ของสมาชิกสภาให้ความเห็นชอบ โดยกฎหมายจะทำให้บริษัทผู้ให้บริการอย่างกูเกิลและเฟซบุ๊ก รวมถึงบริษัทด้านเทคโนโลยีอื่นๆ จะต้องเก็บข้อมูลสำคัญของผู้ใช้ชาวเวียตนามและการเปิดสำนักงานในประเทศ ซึ่งหลายบริษัทได้คัดค้านกรอบแนวทางกฎหมายดังกล่าว

ส่วนการลงคะแนนเสียงใช้เวลานานถึง 2 วัน ในช่วงที่มีการประท้วงตามท้องถนนในหลายเมืองทั่วประเทศที่เรียกร้องยุติการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษให้กับนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนที่ชาวเวียตนามหวั่นและจุดชนวนกระแสต่อต้านจีนเข้ามาครอบงำประเทศ รวมถึงการประท้วงคัดค้านกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์พร้อมขอให้ทบทวนกฎหมายให้เป็นไปตามมาตรฐานระหว่างประเทศ ด้วยความกังวลว่ากฎหมายดังกล่าวจะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อความมั่นคงไซเบอร์ในเวียตนามและนวัตกรรมดิจิตัลในอนาคต

ด้านสมาคมการสื่อสารดิจิตัลของเวียตนามกล่าวว่า กฎหมายดังกล่าวอาจลดจีดีพีถึง 1.7% และลดการลงทุนจากต่างประเทศถึง 3.1% รวมถึงมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับข้อห้ามที่หนักขึ้นกับผู้เห็นต่างที่เคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์ ด้วยกฎหมายระบุบริษัทให้ผู้ให้บริการโซเชียลแพลตฟอร์มต้องร่วมมือในการลบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออกจากแพลตฟอร์มภายใน 1 วัน นับจากวันที่รับหนังสือขอความร่วมมือจากทางการ

ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนอย่าง ฮิวแมนไรท์ วอทช์กล่าวเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า กฎหมายดังกล่าวพุ่งเป้าลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร รวมถึงแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลที่มองว่ากฎหมายนี้จะให้อำนาจทางการเวียตนามบังคับบริษัทเทคโนโลยีเพื่อจัดการลบข้อมูลจนถึงเซ็นเซอร์เนื้อหาของผู้ใช้

ทั้งนี้ นายโหว ตรง เวียต หัวหน้าคณะกรรมการป้องกันประเทศและความมั่นคงซึ่งเป็นผู้ร่างกฎหมายนี้ กล่าวว่า ความต้องการในการเก็บข้อมูลในเวียตนามนั้นเป็นไปได้ ซึ่งสำคัญในการต่อสู้อาชญากรรมบนโลกไซเบอร์และตามกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ

“แม้การตั้งศูนย์ข้อมูลในเวียตนามจะเพิ่มต้นทุนทางธุรกิจแต่มันเป็นความต้องการที่จำเป็นเพื่อสนองต่อความมั่นคงไซเบอร์สำหรับประเทศ” นายเวียตกล่าวกับสมาชิกสภา