“วิษณุ” ไม่หวั่น กม.ใหม่อียู ‘ดีอี’เอาอยู่ ยันไม่ถูกแบล็กลิสต์ ใช้บังคับกับไทยไม่ได้

จากกรณีที่วันพรุ่งนี้ (25พ.ค.) จะบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองของมูลส่วนบุคคลของพลเมืองยุโรป หรือ General Data Protection Regulation (GDPR) ซึ่งออกโดยสหภาพยุโรป ซึ่งอาจจะมีผลกระทบกับธุรกิจที่มีพนักงานเป็นชาวยุโรปหรือทำธุรกรรมกับยุโรป เพราะหากข้อมูลรั่วไหลจะมีโทษหนัก

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำหรับประเทศไทยคงมีผลกระทบบ้าง แต่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว เพื่อไม่ให้มีผลกระทบมากเกินไป รวมทั้งรัฐบาลได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นมา เพื่อลดผลกระทบบางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นจากกฎหมายใหม่ของอียู ซึ่งมีการเขียนให้ชัดในร่างพ.ร.บ.

“ฉะนั้นถ้าจะให้มีผลอะไรกับคนไทย เป็นผลกระทบที่เกิดจากกฎหมายของไทยไม่ได้เกิดจากกฎหมายของอียู” นายวิษณุ กล่าว

เมื่อถามว่าโทษปรับของกฎหมายใหม่ของอียูค่อนข้างหนัก สูงสุดปรับถึง 20 ล้านยูโรหากข้อมูลของคนยุโรปรั่วไหล นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ 20 ล้านยูโร แต่กฎหมายของไทยไม่ได้เขียนโทษหนักขนาดนั้น เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นก็จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีในศาลไทย ใช้กฎหมายไทย

ส่วนประเทศไทยอาจจะเสี่ยงถูกขึ้นบัญชีดำหรือแบล็คลิสต์ในการทำการค้ากับอียูหากข้อมูลชาวยุโรปรั่วไหลจากไทยแต่เขาบังคับใช้กฎหมายกับเราไม่ได้ นายวิษณุ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะเรากำหนดมาตรการควบคุมเอาไว้แล้ว แปลว่าเราใช้กฎหมายไทย เราไม่ได้นำกฎหมายต่างชาติของอียูมาใช้