‘ฮิวแมนไรท์ วอทช์’ จี้ รัฐไทยปล่อยตัว 14 ผู้ชุมนุม “คนอยากเลือกตั้ง” ทันทีไม่มีเงื่อนไข

เมื่อวานนี้ (22 พฤษภาคม 2561) ฮิวแมนไรท์ วอทช์ องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทางการไทยควรถอนฟ้องและปล่อยตัวนักกิจกรรมที่เรียกร้องประชาธิปไตย 14 คนทุกคดีและอย่างไม่มีเงื่อนไข หลังจากที่พวกเขาได้จัดการประท้วงต่อต้านระบอบทหารอย่างสงบ โดยทั้ง 14 คนถูกดำเนินคดีในข้อหายุยงปลุกปั่น ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี และในข้อหาละเมิดคำสั่งของรัฐบาลทหารที่ห้ามการชุมนุมทางการเมืองของบุคคลกว่าห้าคนขึ้นไป

“การจับกุมนักกิจกรรมที่เรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสงบ และต้องการให้มีการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลทหารไทยไม่มีเจตนาผ่อนคลายมาตรการจำกัดสิทธิต่าง ๆ” แบรด อดัมส์ (Brad Adams) ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชีย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าวและว่า การขัดขวางการชุมนุมประท้วงอย่างสงบ ทำให้เห็นว่าคำสัญญาที่ให้ไว้เองของนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชาที่จะฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยในไทย เป็นเรื่องเหลวไหล

ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 มีการจัดการชุมนุมอย่างสงบด้านนอกอาคารสหประชาชาติที่กรุงเทพฯ ในโอกาสครบรอบสี่ปีรัฐประหารเมื่อปี 2557 ตำรวจได้สลายการชุมนุมและจับกุมแกนนำและสมาชิก “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” หลังจากพวกเขาได้อ่านแถลงการณ์ เรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยกเลิกมาตรการจำกัดเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และให้จัดการเลือกตั้งตามที่สัญญาไว้

กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 14 คนที่ถูกควบคุมตัวที่สน.พญาไทและสน.ชนะสงครามที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว, นายอานนท์ นำภา, นายรังสิมันต์ โรม, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, นายปิยรัฐ จงเทพ, นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ, นายคีรี ขันทอง, นายพุทไธสิงห์ พิมพ์จันทร์, นายโรจน์ ตรงงามรักษ์, นายวิเศษณ์ สังขวิศิษฎ์, นางภัทราภรณ์ จันทร์กอด และนายประสงค์ วาโนวัน

ฮิวแมนไรท์ วอทช์ระบุด้วยว่า กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากเนื้อหาของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR) ที่ประเทศไทยให้สัตยาบันรับรองเมื่อปี 2539 คุ้มครองสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบ แต่นับจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 รัฐบาลทหารได้ บังคับให้มีการเซ็นเซอร์ และปิดกั้นการอภิปรายในที่สาธารณะเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของไทย นักกิจกรรมและผู้เห็นต่างจากรัฐหลายร้อยคนถูกดำเนินคดีอาญาทั้งในข้อหา ความผิดทางคอมพิวเตอร์ และ หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เนื่องจากการแสดงความเห็นของตนอย่างสงบ มีคำสั่งห้ามการชุมนุมสาธารณะของบุคคลกว่าห้าคนขึ้นไปและห้ามจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย บุคคลหลายพันคนถูกทางการเรียกตัวและกดดันให้หยุดแสดงความเห็นทางการเมือง เพื่อต่อต้านรัฐบาลทหาร

จำเป็นต้องมีแรงกดดันจากนานาชาติอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มีการเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วไปสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบพลเรือนในประเทศไทย ฮิวแมนไรท์วอทช์กล่าว

“ยิ่งมีการจับกุมในข้อหาการเมืองมากเท่าไร หนทางไปสู่ประชาธิปไตยของประเทศไทยยิ่งมืดมนเท่านั้น” อดัมส์กล่าวและว่า รัฐบาลทั่วโลกควรกดดันรัฐบาลทหารให้กำหนดวันเลือกตั้งอย่างชัดเจน และเปิดโอกาสให้ประชาชนและพรรคการเมืองสามารถรวมตัวกันและแสดงวิสัยทัศน์ที่มีต่ออนาคตของประเทศตนเองได้