องค์กรนักศึกษา-นักวิชาการ-ทนายความ แถลงหนุน ‘คนอยากเลือกตั้ง’ จี้ปล่อยตัวทันที

วันที่ 23 พฤษภาคม จากเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่แสดงพลังทางการเมืองเนื่องในครบรอบ 4 ปี ของการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ด้วยการเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้ยุติจากอำนาจ แต่ตลอดเหตุการณ์เมื่อวานนี้กลายเป็นความตึงเครียดของการเเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ชุมนุมกับกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และแยกสะพานมัฆวาน และจบลงด้วยแกนนำและผู่้ร่วมชุมนุมจำนวน 14 คนเข้ามอบตัว หลายองค์กรได้ออกแถลงการณ์ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ประณามการใช้อำนาจโดยมิชอบและเรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำและผู้ร่วมชุมนุมโดยทันที

โดยเครือข่ายนักวิชาการ นักศึกษาและประชาชนภาคเหนือ ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า

เป็นระยะเวลากว่า 4 ปี ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กระทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากประชาชน ด้วยคำกล่าวอ้างว่า เข้ามาแก้ไขปัญหาและสร้างความสงบสุข แต่ในทางตรงกันข้าม 4 ปีที่ผ่านมา กลับเป็นช่วงเวลาอันแสนหดหู่และน่าเศร้า ภายใต้บรรยากาศการบริหารงานและปกครองประเทศ ด้วยรูปแบบเผด็จการอำนาจนิยม ของ คสช. ที่มิได้มาจากเจตจำนงของประชาชนโดยทั่วไป 4 ปีที่ผ่านมาได้สะท้อนให้เห็นถึง ความล้มเหลวในการบริหารงานในหลายด้านของ คสช. ทั้ง คุณภาพชีวิตประชาชน เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่สำคัญ คือ “หลักการประชาธิปไตย” ได้ถูกทำลายลงอย่างเห็นได้ชัด

หลายต่อหลายครั้ง ที่ประชาชนผู้มีความหวังถึง “ประชาธิปไตย” ได้ยืนยันถึงสิทธิความเป็นพลเมือง ด้วยการเรียกร้องถึง “การเลือกตั้ง” แต่ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหา การจับกุม การดำเนินคดี และการติดตาม ตลอดจนการคุกคามด้วยรูปแบบต่าง ๆ จากเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ผ่านคำสั่ง หัวหน้า คสช. 3/2558 จนทำให้ชีวิตขาดความปกติสุข ไม่สามารถแสดงออกถึงสิทธิ และเสรีภาพ ที่ประชาชนพึงมีบนหลักการประชาธิปไตย

พวกเราในนาม เครือข่ายนักวิชาการ นักศึกษาและประชาชนภาคเหนือ ขอยืนยันว่า การเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง เป็นสิทธิอันชอบธรรม ที่พลเมืองทุกคนสามารถแสดงออกมาได้

พวกเราขอสนับสนุน การเคลื่อนไหวของ “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” และประชาชนทุกหนแห่ง ในการเรียกร้องการเลือกตั้งบนหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

พวกเราขอประณาม การขัดขวาง การดำเนินคดี และการจับกุมของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่กระทำต่อ “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” และประชาชนผู้เรียกร้องการเลือกตั้ง

 

เช่นเดียวกับ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.) ได้ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ ระบุว่า

ตามที่กลุ่มประชาชนในนาม “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ได้มีการจัดการชุมนุมในวาระครบรอบ 4 ปีการรัฐประหารของ คสช. เพื่อเรียกร้องให้มีการจัดเลือกตั้งภายในปลายปี 2561 และให้ คสช. หยุดสืบทอดอำนาจ การชุมนุมเริ่มขึ้นในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 21 พฤษภาคม 2561 และมีการเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 แต่ได้ถูกสกัดกั้นจากเจ้าหน้าตำรวจหลายกองร้อยทำให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถเคลื่อนขบวนไปถึงทำเนียบรัฐบาลได้ และในที่สุดช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำการจับกุมแกนนำการชุมนุมและผู้ชุมนุม และแกนนำบางส่วนตัดสินใจเข้ามอบตัว รวมแล้วมีผู้ถูกควบคุมตัวอย่างน้อย 14 คน โดยถูกแยกควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม และสถานีตำรวจนครบาลพญาไทนั้น

สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน มีความกังวลอย่างยิ่งต่อการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ในกรณีดังกล่าว และมีความเห็นว่าการชุมนุมเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ถือเป็นสิทธิในการกำหนดเจตจำนงของตนเองในทางการเมืองของประชาชน และเป็นเรื่องที่ชอบธรรมในสังคมที่เรียกตนเองว่าเป็นประชาธิปไตย โดยสิทธิประการดังกล่าวได้ถูกรับรองไว้ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ดังนั้น รัฐควรที่จะเคารพสิทธิที่จะแสดงออกถึงเจตจำนงอย่างเสรีของประชาชน ไม่ควรมองว่าเป็นเรื่องที่ขัดต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย และผู้ที่แสดงออกถึงเจตจำนงดังกล่าวไม่ควรถูกดำเนินคดี

การจัดกิจกรรมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ถือเป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และอยู่ในขอบข่ายของการชุมนุมโดยสงบตามที่ถูกรับรองไว้ในมาตรา 34 และ 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตาม แม้การจำกัดเสรีภาพดังกล่าวจะสามารถทำได้ แต่ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายและจำเป็นแก่สังคมประชาธิปไตยเพื่อผลประโยชน์ทางความมั่นคงของชาติ หรือความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อย การสาธารณสุข หรือศีลธรรม หรือการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ซึ่งตามข้อเท็จจริงแม้ในการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งจะมีการโต้เถียงและกระทบกระทั้งกับเจ้าหน้าที่เป็นระยะๆ แต่การกระทบกระทั้งดังกล่าวก็มีสาเหตุมาจากการปิดกั้นเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบและการพยายามจับกุมผู้ชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ อีกทั้ง ก่อนเริ่มการชุมนุม กลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้มีความพยายามในการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยการดำเนินการแจ้งการชุมนุมสาธารณะตามพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นกฎหมายเฉพาะที่ใช้ดูแลการชุมนุมสาธารณะของประเทศไทยในปัจจุบันแล้ว แต่เป็นรัฐเองที่ไม่ยอมดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว กลับนำคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับที่ 3/2558 อันเป็นกฎหมายที่ถูกกำหนดขึ้นโดยคณะรัฐประหาร คสช. และถูกนำมาบังคับใช้อย่างไร้ขอบเขตเพื่อจำกัดเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบของประชาชนในช่วงเกือบสี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งคำสั่งดังกล่าวยังไม่ใช่เงื่อนไขทางกฎหมายที่จะนำมาใช้จำกัดเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบได้ตามหลักสิทธิมนุษยชนดังที่กล่าวไป

นอกจากนี้ ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง ข้อ 9 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 28 ได้กำหนดว่าห้ามมิให้มีการจับกุมหรือควบคุมบุคคลโดยอำเภอใจ เว้นแต่โดยเหตุและเป็นไปตามกระบวนการที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ได้กำหนดให้การจับกุมโดยทั่วไปจะต้องมีหมายจับที่ออกโดยศาล การจับกุมควบคุมตัวบุคคลที่ใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบที่ถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมือง อันไม่ได้เข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมายปกติใดๆ และกระทำไปโดยไม่มีหมายหรือคำสั่งของศาล มีการอ้างเพียงคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ที่ให้อำนาจอย่างกว้างขวางแก่เจ้าหน้าที่และขาดระบบการตรวจสอบที่เพียงพอ ย่อมถือเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลอันสมควรและเข้าข่ายเป็นการควบคุมตัวโดยอำเภอใจ
.
สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน จึงขอเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวบุคคลที่ถูกควบคุมตัวโดยทันที และยุติการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุม รวมทั้งหยุดการใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เป็นเครื่องมือในการจำกัดหรือปิดกั้นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ

ด้วยความเคารพต่อสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

 

รวมถึง เครือข่ายเพื่อนนิสิตนักศึกษา ได้ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมาว่า

ในระหว่างวันที่ 21-22 พฤษภาคม 2561 นิสิต นักศึกษา และประชาชน ได้รวมตัวกันชุมนุมในนาม “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ณ บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้งภายในปีนี้  ในระหว่างการชุมนุม สถานการณ์ดำเนินไปอย่างตึงเครียด กระทั่งผู้ชุมนุมบางส่วนได้เดินขบวนออกจากพื้นที่มหาวิทยาลัยไปตามถนนราชดำเนิน จนถึงเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ บริเวณหน้าอาคารสำนักงานผู้ประสานงานองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย เจ้าหน้าที่รัฐได้ใช้กำลังเข้าปราบปรามและสลายการชุมนุมในการนี้มีผู้ถูกจับกุมและตั้งข้อหาเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ก่อนการชุมนุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่รัฐได้เข้าประชิดตัวนิสิต นักศึกษาหลายคน รวมถึงครอบครัว และคนใกล้ชิด เพื่อคุกคามและปิดกั้นมิให้เเข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าว

เราเชื่อว่าสิทธิในการชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธและเสรีภาพในการแสดงออกเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคม เราเห็นว่าการสลายการชุมนุมดังที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำเกินสมควรกว่าเหตุ และเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานอย่างรุนแรง เราในนามเครือข่ายเพื่อนนิสิตนักศึกษาจึงไม่อาจเพิกเฉยและขอประณามการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชาชน

เราเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวผู้ถูกควบคุมตัวทั้งหมดโดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข เราเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการตั้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีอันเกี่ยวเนื่องจากการชุมนุมและการแสดงออกทางการเมืองอย่างสันติ เราเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ยุติการคุกคามสวัสดิภาพของนิสิต นักศึกษา และประชาชนในทุกรูปแบบ

ในลำดับสุดท้าย เราเรียกร้องให้รัฐเคารพและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนมิให้เกิดการละเมิดอีกต่อไป