‘โรม-จ่านิว-โตโต้’ มอบตัว ยุติชุมนุมคนอยากเลือกตั้ง ย้ำนี่คือหนทางเดียว วันนี้ไม่ได้ประกาศยอมแพ้!

เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 22 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์จากหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ว่า แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งประกาศรวมตัวตั้งขบวนเรียงแถวหน้ากระดาน เพื่อทำลายแผงกั้นเหล็ก โดยมีการให้สัญญาณนับ 1 และ 2 จากนั้นให้มวลชนดันและดึงแผนกั้นเหล็กออก จนกระทั่งเวลา 14.45 น. เกิดเหตุการณ์ชุลมุน เหล่ามวลชนดึงแผงกั้นออกสำเร็จ มีการทำลายเต็นท์จนพังเสียหายจำนวน 2 หลัง โดยเจ้าหน้าที่ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ขอให้มวลชนยุติการกระทำ เนื่องจากผิดกฎหมายหลายประการชัดเจน

เวลาประมาณ 15.35 น. ภายหลังนายรังสิมันต์ โรม เจรจากับตำรวจเพื่อขอมอบตัว ได้กล่าวแถลงการณ์ต่อหน้ามวลชนว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ตัดสินใจไปอยู่คุก วันนี้ต้องยอมรับว่านี่เป็นภารกิจประวัติศาสตร์ที่ได้ร่วมก่อขึ้นมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงวันนี้ สิ่งนี้เกินความสำเร็จมากมายอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตลอด 4 ปีของระบอบ คสช.ไม่เคยมีใครท้าทาย หรือต่อสู้กับสิทธิเสรีภาพดังที่ปรากฏทุกวันนี้ เราลองทุกหนทางแล้ว แม้สุดท้ายอาจเปลี่ยนไปเป็นระบอบประชาธิปไตยไม่ได้ก็ตาม

“วันนี้ถือเป็นประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นใหม่ๆ ได้ยืนบนบ่าพวกเรา เพื่อให้แน่ใจว่าประเทศนี้มีประชาธิปไตย ผมรู้ถึงความเศร้าโศก แต่นี่เป็นหนทางเดียวที่จะยุติลงด้วยความสงบ ไม่มีความรุนแรง ขอให้ตำรวจนำรถมารับตัวผม จ่านิว และโตโต้ เพื่อมอบตัว ณ ตรงนี้ และเพื่อไม่ให้มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นอีก” นายรังสิมันต์กล่าว

ด้านนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว กล่าวว่า ขอพูดตรงนี้ว่าเราไม่ถอย วันนี้ไม่ได้เป็นวันประกาศยอมแพ้ ผม โรม และโตโต้ เราเริ่มจากจุดแรกด้วยกัน และจะไม่ถอย ขอให้พ่อแม่พี่น้องเดินทางกลับบ้าน หรือจะเดินทางตามไปที่ สน.ก็ได้ โดยยื่นข้อเสนอว่าเจ้าหน้าที่ห้ามควบคุมมวลชน

ทั้งนี้นายสิรวิชญ์ ได้อ่านเเถลงการกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง พร้อมเเจกใบเเถลงการณ์ให้สื่อมวลชน ระบุว่าใจความว่า ในนาม “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” ที่เป็นเสียงป่าวประกาศแทนประชาชนที่ลุกขึ้นมาแสดงพลังต่อต้านการเลื่อนการเลือกตั้งและความพยายามสืบทอดอำนาจของ คสช. มาตั้งแต่เมื่อปลายเดือนมกราคม 2561 จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 4 เดือน ที่พวกเราได้จัดกิจกรรมแสดงพลังมาแล้วถึง 6 ครั้ง ในทุกครั้งที่พวกเราได้ส่งเสียงนำเสนอข้อเรียกร้องต่างๆ ที่จะนำไปสู่การจัดการเลือกตั้งและคืนอำนาจกลับสู่ประชาชนอย่างแท้จริง แต่ทว่าไม่มีครั้งไหนเลยที่ คสช. จะรับฟังและนำไปปฏิบัติ

ในวันนี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 4 ปีของการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เราสามารถสรุปได้อย่างหนึ่งว่าตลอดสี่ปีที่ผ่านมาคือสี่ปีแห่งการบ่อนทำลายชาติโดยรัฐบาลคสช. อันประกอบไปด้วยการบ่อนทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรมและสิทธิมนุษยชน บ่อนทำลายเศรษฐกิจ และบ่อนทำลายอนาคต

พวกเราจึงเดินทางมา ณ ทำเนียบรัฐบาลแห่งนี้ ที่ซึ่ง คสช. ได้ยึดครองและใช้เป็นฐานในการวางไข่เผด็จการมากว่า 4 ปี เดินเข้ามาให้ใกล้พวกเขามากที่สุด เพื่อที่จะบอกย้ำกับพวกเขาอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังที่สุดเท่าที่จะเปล่งออกมาได้ ถึงจุดยืนของพวกเราว่า

1. การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นภายในเดือนพฤศจิกายน 2561 ตามที่ คสช. เคยให้คำมั่นไว้

2. คสช. จะต้องยุติความพยายามใดๆ ที่จะสืบทอดอำนาจหรือเข้ามามีบทบาทในทางการเมืองต่อไปภายหลังการเลือกตั้ง

3. จะต้องปลดอาวุธ คสช. โดยการยกเลิกประกาศและคำสั่งต่างๆ ของ คสช. ที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งรวมถึงประกาศหรือคำสั่งที่ขัดขวางการดำเนินการต่างๆ ของพรรคการเมืองเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งโดยทันที

4. คสช. จะต้องยุติการดำรงอยู่ของตัวเอง และเปลี่ยนสถานะของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐบาลรักษาการโดยทันที เพื่อสร้างหลักประกันในการจัดการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม โปร่งใส และปราศจากการแทรกแซงจาก คสช.

5. กองทัพจะต้องยุติการสนับสนุน คสช. ในทุกประการโดยทันที เพื่อไม่ให้ คสช. มีขุมกำลังในการสืบทอดอำนาจเผด็จการได้อีก

การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เฉพาะของพวกเราแต่เป็นการต่อสู้ระหว่างคสช. กับประชาชนชาวไทยทุกคน หาคสช. ยังดันทุรังที่จะสืบทอดอำนาจต่อไป เราก็ขอถือว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนชาวไทยทุกคนดีจะร่วมกันแสดงพลังต่อต้านทุกวิถีทางตามบทบาทและความสามารถของแต่ละคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังทั้ง 2 คนแถลงการณ์ต่อมวลชนแล้ว ได้ชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว พร้อมเดินไปขึ้นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป