ชาวเอเชียใช้ “ขึ้นฉ่าย” เป็นยาลดความดันมากว่า 2,000 ปี

ถ้าใช้มุมมองแบบระบาดวิทยา คือดูความชุกของโรคว่าโรคใดเกิดขึ้นมาในเวลานี้ คำตอบที่ได้ในปัจจุบันก็คือ โรคความดันโลหิต ซึ่งกำลังกัดกร่อนสุขภาพคนไทยอย่างยิ่ง ประมาณกันว่าประชากรไทยอายุระหว่าง 30-60 ปี เจ็บป่วยด้วยโรคนี้ร้อยละ 4-7 ส่วนคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไปความดันสูงเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10-15

โรคความดันโลหิตสูงโดยตัวของเขาเองดูเหมือนว่าไม่เป็นอันตราย โลหิตจะสูงก็สูงไป แต่แท้จริงแล้วเมื่อเจ็บป่วยเพราะความดันโลหิตสูงจะพาชีวิตของเราป่วยไข้ได้อีกหลายโรค เนื่องจากโรคนี้ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักซึ่งอาจจะทำให้เกิดโรคหัวใจวาย และเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งของโรคอัมพาต นอกจากนี้ยังพาเราให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดแดงแข็ง เป็นต้น

การดูแลสุขภาพของตนเองให้เหมาะสมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เช่น ผู้ป่วยโรคนี้ต้องทำการลดน้ำหนัก บริโภคอาหารที่มีปริมาณเกลือลดลง รับประทานผักและผลไม้ให้มาก เนื่องจากผักและผลไม้จะมีโพแทสเซียมจำนวนมากซึ่งจะช่วยลดความดันโลหิตได้ และควรงดการดื่มสุรา ขณะเดียวกันหากอยู่ระหว่างรับประทานยาก็ควรทำตามที่แพทย์สั่ง

ที่สำคัญคือ ต้องมีการตรวจวัดความดันว่าสามารถคุมความดันให้ลดลงจนอยู่ในระดับปกติได้หรือยัง ถ้ายังก็จะต้องดูแลสุขภาพใกล้ชิด มิให้ภัยเงียบมาจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว สำหรับท่านที่ต้องการใช้สมุนไพรเพื่อช่วยคุมความดันให้อยู่ในระดับปกตินั้น สมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีความปลอดภัยสูงและมีการใช้ลดความดันกันอย่างแพร่หลายคือ “ขึ้นฉ่าย”

ขึ้นฉ่าย หรือภาษาอังกฤษเรียก Celery หรือ Smallage มีชื่อวิทยาศาสตร์ : Apium graveolens Linn. อยู่ในวงศ์ UMBELLIFERAE เป็นพืชพื้นเมืองของยุโรปตอนใต้ ชาวกรีกโบราณมีการทำไวน์ขึ้นฉ่ายเพื่อให้นักกีฬากิน และใช้เป็นยาสมุนไพรมาอย่างยาวนาน ภายหลังขึ้นฉ่ายขยายตัวมีผู้นำไปปลูกทั่วไปในยุโรป และข้ามไปฝั่งอเมริกา ต่อมาถึงทวีปเอเชียบ้านเราด้วย

ขึ้นฉ่ายเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในดินเค็ม นิยมใช้ลำต้นและใบมาปรุงอาหาร และแต่งกลิ่นอาหารบางชนิด โดยเฉพาะใช้ดับคาวปลา และเนื้อ ปัจจุบันคึ่นช่ายจึงเป็นผักที่นิยมรับประทานอย่างกว้างขวางทั่วโลก รวมทั้งมีประสบการณ์การใช้เป็นยามาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะใช้เป็นสมุนไพรลดความดัน

ชาวเอเชียรู้จักใช้ขึ้นฉ่ายเป็นยาลดความดันมาประมาณ 2000 ปี ชาวจีน ชาวเวียดนามแนะนำให้รับประทานขึ้นฉ่ายวันละ 4 ต้น เพื่อรักษาความดันให้เป็นปกติ แพทย์อายุรเวทในอินเดียจะสั่งจ่ายเมล็ดขึ้นฉ่ายเพื่อขับปัสสาวะสำหรับผู้ป่วยที่บวมน้ำ นอกจากนี้ยังใช้สำหรับการรักษาหวัด หวัดใหญ่ อาจเนื่องมาจากขึ้นฉ่ายเป็นผักที่มีวิตามินซีสูงมากชนิดหนึ่ง ในผักขึ้นฉ่ายมีน้ำมันหอมระเหยอยู่ด้วย จึงมีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหาร และมีการนำมาใช้เป็นยาแก้ข้ออักเสบ โรคเก๊าต์

สรรพคุณทางยาของขึ้นฉ่ายเหล่านี้ชาวยุโรปรู้จักกันดี ถ้าไปค้นในประวัติศาสตร์โบราณของยุโรปก็จะพบว่ามีการใช้สมุนไพรชนิดนี้อย่างกว้างขวาง รวมไปถึงมีการแนะนำให้ใช้ขึ้นฉ่ายเพื่อรักษาโรคนอนไม่หลับ โรคอ้วน โรคประสาท มะเร็งหลายชนิด ใช้ขับประจำเดือน และกินแล้วทำให้เกิดการแท้งลูกได้

รวมทั้งยังเชื่อว่าขึ้นฉ่ายยังมีฤทธิ์ในการกระตุ้นกำหนัดและบำรุงประสาทอีกด้วย

ขึ้นฉ่ายคงแพร่เข้ามาเมืองไทยนานแล้ว จึงพบว่ามีตำรายาไทยได้ระบุถึงสรรพคุณของขึ้นฉ่ายว่า ราก แก้จุกเสียด ขับน้ำเหลืองเสีย ขับปัสสาวะ ต้น ขับระดู แก้ความดันโลหิตสูง ขับปัสสาวะ แก้อาการเมาเหล้า แก้อาเจียน รับประทานมากทำให้เป็นหมันได้ ใบ แก้โรคความดันโลหิตสูง แก้อาการตกเลือด แก้โรคลมพิษ เมล็ด ขับลม ขับระดู ขับปัสสาวะ แก้อาการเกร็งของกล้ามเนื้อ เป็นยาบำรุง บำรุงหัวใจ ทั้งต้น ลดความดันโลหิต ขับระดู เป็นต้น

ปัจจุบันมีการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของขึ้นฉ่ายพบว่า ขึ้นฉ่ายมีฤทธิ์สนับสนุนการใช้ที่มีมาแต่โบราณ คือมีฤทธิ์ลดความดันโลหิต ขับปัสสาวะ ลดบวม คุมกำเนิด ลดจำนวนอสุจิ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ยับยั้งการเกิดมะเร็ง ยับยั้งเนื้องอก ต้านการอักเสบ ทำให้กล้ามเนื้อเรียบบีบตัว มีฤทธิ์กล่อมประสาท เป็นต้น

การใช้ขึ้นฉ่ายเพื่อลดความดันนั้นปรากฏชัดในปี ค.ศ.1992 นาย Minh Le บิดาของนักศึกษามหาวิทยาลัยแพทย์ชิคาโก ถูกวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง และแพทย์ได้สั่งยาแผนปัจจุบันเพื่อรักษาความดันโลหิตสูง แต่นาย Le ไม่ยอมกินยาแผนปัจจุบัน กลับไปกินขึ้นฉ่ายวันละ 1/4ปอนด์ (1 ปอนด์หนัก 454 กรัม) หรือใช้ขึ้นฉ่ายประมาณ 4 ก้านทุกวัน ไม่นานนักพบว่าความดันลดลงจาก 158/96 เหลือ 118/82

ต่อมาลูกชายของเขา Quang Le และนักเภสัชวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ชิคาโก ดร.Willium Elliot ได้แยกสารชื่อว่า 3-n-butyl phathalide และเมื่อฉีดเข้าไปในหนูขนาดเท่ากับขึ้นฉ่าย 4 ก้าน พบว่าความดันโลหิตสูงลดลงร้อยละ 15 และคอเลสเตอรอลลดลงร้อยละ 7

แม้จะไม่มีการศึกษาวิจัยการใช้ขึ้นฉ่ายเป็นยารักษาโรคความดันโลหิตสูงในคนอย่างชัดเจน แต่ขึ้นฉ่ายเป็นผักที่เรารับประทานกันอยู่แล้ว ทั้งยังมีประโยชน์มากมาย กล่าวคือ มีวิตามินซีสูงมาก ซึ่งสามารถต้านอนุมูลอิสระ และช่วยทำให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง เป็นผักที่มีแคลเซียม และเบต้า-แคโรทีนพอสมควร ทั้งยังมีสารต้านมะเร็ง ฟธาไลเดส (phthalides) อีกด้วย

ขึ้นฉ่ายสามารถหาซื้อได้ง่าย ปลูกเองก็ได้ กินเข้าไปก็ไม่ต้องกลัวอ้วนอีกด้วย เพราะขึ้นฉ่ายประกอบด้วยน้ำ 9 ส่วน จาก 10 ส่วน ให้พลังงานต่ำจริงๆ จึงไม่เสียหายอะไรถ้าเราจะนำผักชนิดนี้มากินเป็นประจำ และใช้ในการช่วยลดความดันโลหิตสูงโดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงในระยะเริ่มต้น