นงนุช สิงหเดชะ /ทำไม “พล.อ.ประวิตร” ดีใจ “ปู” อยู่ดูไบ

บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ

ทำไม “พล.อ.ประวิตร” ดีใจ “ปู” อยู่ดูไบ

การหลุดปากของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ว่า “ดีแล้วที่ (คุณยิ่งลักษณ์) อยู่นครดูไบ” ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โดยบอกว่าไทยไม่มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับยูเออี ฟังดูคล้ายกับว่าผู้มีหน้าที่รับผิดชอบล่าตัวของ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รู้สึกดีอกดีใจ

ดีอกดีใจเพราะอาจใช้เป็นข้ออ้างอย่างดีให้กับผู้มีหน้าที่ไม่ต้องล่าตัวคุณยิ่งลักษณ์ เนื่องจากจะอ้างได้ว่าในเมื่อไม่มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็จะไปตื๊อขอให้ยูเออีส่งตัวมาให้ไม่ได้ เรียกได้ว่าคนอยู่ทางนี้ก็ไม่เหนื่อย ส่วนคนอยู่ดูไบก็รอดคุกไป

ให้สัมภาษณ์ดังกล่าวของ พล.อ.ประวิตร เกิดขึ้นหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยเองว่าคุณยิ่งลักษณ์อยู่ดูไบ

เป็นการเปิดเผยหลังจากศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 กันยายน จำคุกคุณยิ่งลักษณ์ 5 ปีโดยไม่รอลงอาญา ในคดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

การเปิดปากของ พล.อ.ประยุทธ์เป็นไปตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะบอกหลังจากผลคำพิพากษาออกมาแล้ว หลังจากถูกสื่อมวลชนเกาะติดจิกถามอยู่ทุกวันนับจากคุณยิ่งลักษณ์หนีหายไป ไม่มาฟังคำพิพากษาซึ่งกำหนดอ่านคำพิพากษาครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม

พล.อ.ประยุทธ์แย้มมาก่อนหน้านั้นแล้วว่ามีสายข่าวบอกให้ทราบว่าคุณยิ่งลักษณ์อยู่ที่ไหน และเมื่อหัวหน้ารัฐบาลออกมาเผยแหล่งกบดานแล้ว ก็ถึงคราวที่คนอื่นๆ อย่าง พล.อ.ประวิตร สามารถเปิดเผยกับสื่อได้เช่นกัน

หากดูท่วงทำนองแล้ว เชื่อว่าคนในรัฐบาลบางคน ทราบแหล่งกบดานคุณยิ่งลักษณ์นานแล้ว อาจจะทราบเพียงไม่กี่วันหลังจากคุณยิ่งลักษณ์หนีศาล แต่ต้องทำเป็นพูดว่าไม่รู้

ขณะเดียวกัน น่าจะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าคนในรัฐบาล ไม่คนใดก็คนหนึ่งคาดหมายล่วงหน้าอยู่แล้วว่าคุณยิ่งลักษณ์จะไปดูไบ เผลอๆ อาจจะแนะนำให้คุณยิ่งลักษณ์ไปอยู่ดูไบเสียเลย เพื่อที่ทางการไทยจะขอตัวคุณยิ่งลักษณ์กลับมาไม่ได้เนื่องจากไม่มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน

น่าตั้งคำถามเช่นกันว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่มีคนในรัฐบาลไฟเขียวทางอ้อมให้คุณยิ่งลักษณ์หนีออกนอกประเทศ

ดังที่ปรากฏข่าวว่ารถคุณยิ่งลักษณ์ผ่านด่านทหารที่ จ.สระแก้ว ได้อย่างสะดวก

เมื่อปล่อยยิ่งลักษณ์ออกไปแล้ว และโดนสังคมกระหน่ำตำหนิ ดังนั้น ทางเดียวที่จะบรรเทาอารมณ์เดือดของคนได้ก็คือ การลงโทษทีมตำรวจที่พาคุณยิ่งลักษณ์หนี

ซึ่งเชื่อว่าสุดท้ายแล้วคงลงโทษกันจิ๊บจ๊อยพอเป็นพิธี

ช่วงระหว่างนี้ก็หันเหความสนใจของสังคมให้มาโฟกัสที่การสอบสวนเอาผิดคนพาหนีแทนการล่าตัวคนที่หนีไปแล้ว

การขอให้ตำรวจสากลติดตามตัวคุณยิ่งลักษณ์ หรือแม้กระทั่งนำชื่อคุณยิ่งลักษณ์เข้าทะเบียนประวัติอาชญากร ก็เป็นแค่เพียงการทำตามขั้นตอนปกติเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสังคมบางส่วนตำหนิว่าไม่ทำอะไร ทั้งที่อาจจะเล็งเห็นผลอยู่แล้วว่ายากที่ประเทศที่คุณยิ่งลักษณ์ไปกบดานจะยอมส่งตัวมาให้

ในประเด็นของดูไบนั้น ยังน่าสังเกตคำพูดของ พล.อ.ประวิตรอีกเช่นกันที่ว่าทางดูไบรับปากจะไม่ให้คุณยิ่งลักษณ์เคลื่อนไหวทางการเมือง (พูดคล้ายกับว่าติดต่อกับทางการของดูไบมาแล้วระยะหนึ่ง)

แต่ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้มีท่าทางร้อนใจหรือกระตือรือร้นที่จะอยากให้ดูไบส่งตัวมาให้แต่ประการใด

ซึ่งผิดปกติ เพราะถ้าปกติก็จะต้องพูดว่าถึงแม้ไม่มีสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่อยากให้ดูไบพิจารณาให้ความร่วมมือส่งคุณยิ่งลักษณ์กลับมาด้วยเถอะเพราะขณะนี้เธอตกเป็นนักโทษแล้ว

สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายกับว่าดูไบเปิดประตูเตรียมต้อนรับคุณยิ่งลักษณ์ 24 ชั่วโมง นับจากเธอถูกฟ้องคดี และบางคนในรัฐบาลทางนี้ก็คล้ายกับว่าช่วยๆ รับเธอไปอยู่หน่อยเถอะ ฉันไม่อยากให้เธอติดคุกในเมืองไทยเพราะเดี๋ยวสถานการณ์ร้อนขึ้นมาอีก

ส่วนอาการหงุดหงิดฉุนเฉียวของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กำเริบขึ้นมาอีก (หลังจากสงบอารมณ์มาได้พักใหญ่) เมื่อถูกนักข่าวถามเรื่องคุณยิ่งลักษณ์หนี ก็อาจจะสะท้อนว่าเมื่อหาที่ลงกับใครไม่ได้ ก็มาลงกับนักข่าว

อาจจะโกรธบางคนในรัฐบาลที่ปล่อยให้ปูหลุดมือ แต่ว่าอะไรไม่ได้เพราะโตๆ กันแล้ว ก็เลยมาสาดอารมณ์ใส่นักข่าวแทน หรืออาจเป็นเพราะตอบไม่ได้หรือไม่อยากตอบก็เลยเล่นไม้นี้ เพื่อไม่ให้นักข่าวกล้าถามอีก

ดูไม่ดีเท่าไหร่ กับการมาว้ากนักข่าวว่า “อย่ามาถามมาก ถามมา 3 วันแล้ว ไม่รู้จะถามให้ได้อะไรขึ้นมา” เพราะส่อถึงจิตใจที่ไม่มั่นคง ส่อถึงจิตใจที่หวั่นไหว ขาดความสุขุมหนักแน่น

ณ นาทีนี้ ถ้าไม่ให้นักข่าวถามเรื่องคุณยิ่งลักษณ์ ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุกคดีทุจริตจำนำข้าว (ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญมาก) แล้วจะให้นักข่าวถามเรื่องอะไร

นักข่าวจะถามเรื่องคุณยิ่งลักษณ์ต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด จะถามตลอดช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นนายกฯ และถึงแม้คนใหม่มาเป็นนายกฯ ก็จะถูกถามต่อไป เพราะฉะนั้น จงทำใจไว้ว่านี่คือเรื่องที่ต้องเผชิญในฐานะผู้นำประเทศ

อาการเหวี่ยงวีนใส่นักข่าวอย่างนี้ใกล้เคียงกับ โดนัลด์ ทรัมป์

ขนาด โดนัลด์ ทรัมป์ มาจากการเลือกตั้ง แต่เป็นคนขี้เหวี่ยงขี้วีนกับนักข่าว ก็นับว่าแย่แล้ว

แต่นี่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็สมควรที่จะหาสิ่งอื่นมาชดเชยเพื่อให้ดูดีขึ้น นั่นคืออดทนต่อคำถามของนักข่าวให้มากที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นว่าถึงแม้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ในบางเรื่องก็พร้อมจะเป็นประชาธิปไตยใจกว้างเพื่อเก็บเป็นแต้มชดเชยไว้บ้าง

มีหลายเรื่องที่นายกฯ สามารถตอบคำถามดีๆได้ เพราะหลายประเด็นนักข่าวถามเพราะไม่รู้ และอยากรู้จริงๆ ไม่ได้ถามเพื่อหาเรื่อง โดยบางเรื่องเป็นสิ่งที่ต้องการคำอธิบาย และมีเพียงนายกฯ หรือผู้เกี่ยวข้องโดยตรงเท่านั้นที่จะอธิบายได้ ก็ควรอธิบายหรือชี้แจงไปก็เท่านั้น ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นายกฯ จะถูกคาดหวังให้รู้ทุกเรื่อง

หากตอบไม่ได้เพราะยังไม่มีข้อมูลหรือไม่อยากตอบก็มีวิธีเลี่ยงอื่นที่ดีกว่าการใช้อารมณ์โกรธ กราดเกรี้ยว

ในฐานะมนุษย์ นายกฯ มีสิทธิหงุดหงิดได้บ้างเป็นครั้งคราว แต่การหงุดหงิดพร่ำเพรื่อทุกเรื่อง ไม่เป็นผลดี ไม่สมควร