จิตต์สุภา ฉิน : เรื่องกลิ่นตัว ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

เวลาเราคุยกันถึงเรื่องความก้าวหน้าในวงการเทคโนโลยี เราก็มักจะนึกถึงอะไรที่มันล้ำหน้า ทันสมัย มนุษย์ไปอวกาศได้ไกลขึ้น

เราพัฒนาระบบการขนส่งความเร็วสูงที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ

รถยนต์ขับตัวเองที่มนุษย์ไม่ต้องแม้แต่จะแตะพวงมาลัย

ปัญญาประดิษฐ์ที่จะมาช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น (หรือจะมาทำให้ชีวิตเราจบลงเร็วขึ้นก็ไม่รู้)

แต่อันที่จริงแล้วเรื่องที่ใกล้ตัวมากๆ และดูเหมือนจะไม่เป็นปัญหาที่จะต้องถึงขั้นใช้เทคโนโลยีเก่งกาจอะไรมาช่วย

อย่างเรื่องกลิ่นตัวไม่พึงประสงค์ ก็เป็นสิ่งที่คนในวงการเทคโนโลยีเขาก็ให้ความสำคัญเหมือนกันนะคะ

เรื่องมีอยู่ว่าบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่งนามว่า NextTechnology ได้ผลิตคิดค้นหุ่นยนต์สุนัขน่ารักน่ากอด ที่ทุกคนที่ได้เห็นก็คงต้องเอียงคอ 45 องศา แล้วส่งเสียงร้องออกมาว่า “ง่อววววววว” เป็นแน่แท้

แต่หน้าที่ของมันไม่ใช่การเข้ามาถูไถเราด้วยความรักใคร่นะคะ หุ่นยนต์สุนัข “ฮานะจัง” ถูกฝังเซ็นเซอร์ทรงพลังไว้ที่จมูก ภารกิจของมันคือการเดินเข้ามาดมเท้าของเราและช่วยส่งสัญญาณบอกว่าเท้าเหม็นหรือไม่เหม็น

และหากเหม็นเนี่ย มันเหม็นขนาดไหน เหม็นแบบยังพอทนทานได้ หรือเหม็นแบบตายไปเลย

ถ้าฮานะจังดมเท้าแล้วกลิ่นโอเค มันก็จะกระดิกหางดุ๊กดิ๊กเป็นนัยว่า “ผ่าน ออกจากบ้านไปเถอะ”

แต่ถ้าเกิดดมแล้วมีกลิ่นตุตุโชยขึ้นปะทะจมูก มันจะเห่าเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าเท้าเหม็นนะเธอ

แต่หากเหม็นเป็นกลิ่นปลาร้าที่เน่าแล้วเน่าอีกจนแม้แต่จมูกหมาหุ่นยนต์ก็เกินจะทนทาน มันก็จะหงายหลังล้มตึง

เล่นใหญ่เป็นนางเอกละครในฉากเป็นลมล้มวูบไปเลยล่ะค่ะ

อันที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจที่นี่จะเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดจากมันสมองของชาวญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นชื่อว่ามักจะมีไอเดียที่แปลกแหวกแนวออกมาเสิร์ฟชาวโลกตลอดเวลาอยู่แล้ว

แต่อีกสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากการที่วัฒนธรรมญี่ปุ่นก็เหมือนบ้านเรา คือจะเข้าบ้านใครก็ต้องถอดรองเท้าออกก่อน

และหากกลิ่นเท้าเหม็น นอกจากจะเป็นเรื่องที่ทำให้อับอายขายหน้าได้สุดๆ แล้ว ก็ดูจะเป็นการรบกวนและไม่ให้เกียรติคนรอบตัวด้วย

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะต้องระดมมันสมองอันเก่งกาจมาคิดแก้ปัญหาเรื่อง

เพราะครั้นจะยกเท้าให้สมาชิกในบ้านต้องดมก่อนออกจากบ้านก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่พึงกระทำบ่อยๆ จะยกขึ้นมาดมเองบางคนก็ไม่ได้มีร่างกายที่ยืดหยุ่นได้เป็นนักยิมนาสติกขนาดนั้น

มีฮานะจังไว้สักตัวก็น่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจก่อนออกจากบ้านได้ไม่น้อย

แรงบันดาลใจเบื้องหลังการคิดค้นหุ่นยนต์สุนัขดมเท้าก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละค่ะ

มีอยู่วันหนึ่งลูกสาวของคนคิดค้นฮานะจังบอกว่าเท้าของพ่อเหม็นมาก ซึ่งพอรู้ตัวว่าตัวเองเท้าเหม็น เขาก็ไม่ได้อยากรู้ว่าเท้าที่ว่าเหม็นน่ะมัน “เหม็น” ขนาดไหน เพราะกลัวจะเสียความรู้สึก ก็เลยคิดว่าอย่าให้ต้องได้ยินจากปากคนอื่นเลย ประดิษฐ์หุ่นยนต์ที่มาช่วยบอกระดับความเหม็นของเท้าดีกว่า ไม่ต้องเขิน ไม่ต้องอาย

ฮานะจังจึงถือกำเนิดขึ้นมาโดยมีชื่อที่ล้อกับคำภาษาญี่ปุ่นที่แปลว่า จมูก ซึ่งหลังจากบริษัทได้ทดลองและพัฒนาหุ่นยนต์ฮานะจังมานานกว่าสองปีโดยการพัฒนาร่วมกับวิทยาลัยเทคโนโลยีในคิวชู

ตอนนี้ก็พร้อมแล้วที่จะเริ่มทำขายสำหรับผู้บริโภคที่สนใจ

ขนาดของมันตัวเล็กนิดเดียวแค่ 15 เซนติเมตรเท่านั้น ดมเท้าเราแค่ไม่กี่วินาทีก็สามารถแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบได้แล้ว

และมันไม่ได้แค่จะมาดมแล้วเห่าหรือเป็นลมใส่เท่านั้นนะคะ แต่จะมาพร้อมการแก้ปัญหาเท้าเหม็นให้เราด้วย

อย่างการช่วยฉีดสเปรย์กำจัดกลิ่นให้ เพราะถ้าจะมาด่ากันว่าเท้าเหม็นเฉยๆ โดยที่ไม่ช่วยแก้ปัญหาให้ด้วยก็ดูจะหยาบคายเกินไปหน่อย

ซู่ชิงดูวิดีโอสาธิตตอนฮานะจังเล่นใหญ่เป็นลมล้มตึงลงไปกับพื้นมาแล้ว บอกได้คำเดียวว่าคนที่คิดค้นต้องมีอารมณ์ขันไม่น้อยแน่ๆ เพราะพอดมเสร็จปุ๊บมันนิ่งไปสองวิ แล้วก็ตัวแข็งเท้าแข็ง ทิ้งตัวดิ่งลงไปราวกับเหม็นตายจริงๆ

เล่นเอาหัวเราะท้องแข็งไปอยู่เหมือนกันค่ะ

อย่างไรก็ตาม การมีตัวช่วยคอยบอกว่าเราเท้าเหม็นโดยที่เราไม่ต้องรู้สึกเสียหน้านั้น ก็ไม่ได้มาพร้อมราคาที่เป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์แต่อย่างใด เพราะราคาอยู่ที่ราวสามหมื่นบาทเลยทีเดียว

ราคากระเป๋าฉีกขนาดนี้ยอมซื้อสเปรย์ฉีดเท้ามาฉีดอัดทุกวันก็น่าจะง่ายกว่านะคะ

เรื่องกลิ่นตัวเป็นเรื่องใหญ่อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วในตอนต้น ฮานะจังเป็นเพียงแค่หนึ่งในความพยายามในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเท่านั้น

ก่อนหน้านี้พานาโซนิค ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นอีกเช่นเดียวกัน ก็เพิ่งจะเปิดตัวสิ่งประดิษฐ์ที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นตัวและอนามัยของร่างกายมาหยกๆ นั่นก็คือ “ไม้แขวนเสื้อไฮเทค” นามว่า Deodorant Hanger MS ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่แขวนเสื้อแขวนผ้าให้ไม่ยับแล้ว มันยังสามารถช่วยขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกจากเนื้อผ้าได้ด้วย

สมมติว่าเสื้อผ้าที่เราใส่ติดกลิ่นเหม็นของเหงื่อหรือกลิ่นบุหรี่มาด้วย แต่เราขี้เกียจเกินกว่าจะโยนใส่เครื่องซักผ้าหรือเอาไปส่งให้ร้านซักแห้งช่วยจัดการให้ ก็เพียงแค่ใช้ไม้แขวนเสื้ออันนี้มาแขวนเสื้อผ้าของเรา เสียบปลั๊กไฟ กดปุ่มเปิด มันก็จะทำหน้าที่ในการค่อยๆ กำจัดกลิ่นออกไปจากเสื้อผ้าของเราด้วยเทคโนโลยี NanoE ของพานาโซนิค ที่จะปล่อยอนุภาคชาร์จไฟขนาดนาโนออกมาเจาะทะลุทะลวงเข้าไปในเนื้อผ้าเพื่อขจัดกลิ่น

โดยอนุภาคเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นด้วยการใช้กระแสไฟฟ้ากำลังสูงกับความชื้นในอากาศ แล้วปล่อยออกมาจากไม้แขวนเสื้อทั้งหมด 8 จุด เพื่อให้สามารถครอบคลุมเสื้อผ้าได้ถ้วนทั่ว โดยใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 5-7 ชั่วโมงต่อชิ้น

พานาโซนิคบอกว่าทดลองใช้งานมาแล้วกับเสื้อผ้าสกปรกหลากหลายรูปแบบ

ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่มีกลิ่นเหงื่อ กลิ่นบุหรี่ หรือกลิ่นเนื้อย่าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลิ่นที่กำจัดยากทั้งนั้น

ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือไม้แขวนเสื้อไฮเทคสามารถลดความเข้มข้นของกลิ่นลงได้เยอะมาก ไปจนถึงขั้นที่กำจัดกลิ่นได้ชนิดที่ไม่มีอะไรหลงเหลือ

มีโหมดให้เลือกปรับได้ 2 โหมด คือโหมดปกติ และโหมดนาน

โหมดแรกใช้เวลาในการทำงานห้าชั่วโมง เหมาะสำหรับกลิ่นเหม็นระดับปกติ

ส่วนกลิ่นที่เหม็นติดทนนานหน่อย หรือหากต้องการกำจัดเกสร สารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือแม้กระทั่งไรฝุ่น ก็เปิดโหมดนานที่ใช้เวลาเจ็ดชั่วโมงก็น่าจะเอาอยู่ค่ะ

หรือหากใครกังวลว่าถ้าต้องเสียบปลั๊กชาร์จก็คงจะไม่สะดวกที่จะแขวนเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า อันนี้พานาโซนิคเขาคิดเผื่อมาให้แล้วค่ะว่าจะขายแพ็กแบตเตอรี่ที่ชาร์จได้เป็นอุปกรณ์เสริมให้ด้วย

สำหรับราคาของไม้แขวนเสื้อก็ไม่ถูกสักเท่าไหร่อีกเหมือนกัน (แต่ก็ยังดีกว่าหุ่นยนต์หมาดมเท้าเยอะ) คืออยู่ที่อันละประมาณหกพันบาท ซึ่งเริ่มวางขายแล้วในญี่ปุ่น และบริษัทก็บอกว่าจะรุกตลาดต่างประเทศด้วยแน่นอน

แม้จะยังไม่ระบุว่าจะเข้าไปจำหน่ายในประเทศไหนบ้าง แต่ถ้าให้เดาก็คงไม่เข้าบ้านเราหรอกค่ะ

ก่อนที่เราจะปัดไอเดียของการซื้อแก็ดเจ็ตเหล่านี้ตกโต๊ะแล้วบอกว่า “แหม ของพวกนี้นะ มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้หรอก ต้องโง่ด้วย”

ก็ช้าก่อนค่ะ เพราะซู่ชิงก็คิดว่ามันก็เป็นนิมิตหมายอันดีที่เทคโนโลยีเหล่านี้จะพาเราไปสู่อะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าในอนาคต

เซ็นเซอร์กลิ่นที่อยู่ในตัวฮานะจังไม่จำเป็นต้องนำมาใช้กับเท้าเหม็นเท่านั้น แต่ยังปรับใช้ได้กับอีกหลากหลายอุตสาหกรรม ไปจนถึงการใช้เพื่อการรักษาความปลอดภัยด้วย

ส่วนไม้แขวนเสื้อเนี่ย ซู่ชิงคิดว่าก็เหมาะสำหรับในกรณีที่เราต้องการทำความสะอาดเสื้อผ้าที่ต้องซักแห้งเท่านั้น แต่หากเราไม่ได้ใส่มันอย่างสมบุกสมบัน การต้องส่งซักแห้งหลายๆ ตัว หลายๆ ครั้ง รวมๆ กันแล้วก็น่าจะเป็นจำนวนเงินที่สูงพอๆ กับสนนราคาของแก็ดเจ็ตชิ้นนี้เลยไม่ใช่หรือคะ เพราะฉะนั้น มีไว้สักอันก็ดูจะเป็นไอเดียที่ไม่เลวเลยล่ะ

นี่แหละค่ะ ตัวอย่างของเรื่องเหม็นๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ และเทคโนโลยีสามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้ได้ค่ะ

 


ลิงก์ของคลิปวิดีโอ
https://www.youtube.com/watch?time_continue=38&v=O2H6rh0Km2s