นงนุช สิงหเดชะ/”กลยุทธ์” ขั้นต่อไป หาข้ออ้างเชิดชู “ยิ่งลักษณ์”

บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ

“กลยุทธ์” ขั้นต่อไป หาข้ออ้างเชิดชู “ยิ่งลักษณ์”

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมวลชนทราบแน่นอนแล้วว่า คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มาฟังคำพิพากษาคดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

ปฏิกิริยาของผู้สนับสนุนจำนวนไม่น้อยบอกว่ารู้สึกผิดหวังที่คุณยิ่งลักษณ์ไม่มา ทั้งที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะสู้คดีจนถึงที่สุด ไม่หนีไปไหน

เธอเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อระดับโลกอย่างซีเอ็นเอ็นเมื่อปีที่แล้วว่า “ดิฉันจะยืนหยัดต่อสู้คดี ทุกสายตาจับจ้องมาที่ดิฉัน ดิฉันมีหน้าที่และความรับผิดชอบในเรื่องนี้ ไม่เคยคิดจะหนีออกนอกประเทศ”

มวลชนบอกว่าการหนีทำให้เสียโอกาสในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์

ขณะที่บางกลุ่มเห็นว่าทำให้เสียโอกาสที่จะใช้คุณยิ่งลักษณ์ทำแต้มทางการเมือง

เพราะหากถูกศาลตัดสินจำคุก ก็จะทำให้เธอมีภาพของ ออง ซาน ซูจี วีรสตรีประชาธิปไตย ซึ่งจะเรียกความสงสารเห็นใจได้มากเป็นเท่าทวีคูณ

เมื่อถึงวันเลือกตั้งก็มีโอกาสที่พรรคของคุณยิ่งลักษณ์-ทักษิณจะชนะถล่มทลาย

แต่ในความเป็นจริง ผู้หญิงสวยและรวยอย่างคุณยิ่งลักษณ์ ที่ไม่ได้มีความตั้งใจมาเล่นการเมืองตั้งแต่แรก

ไฉนเลยจะยอมเสี่ยงติดคุกเพื่อเป็นวีรสตรีสนองอุดมการณ์ทางการเมืองของมวลชนบางกลุ่ม

ผู้สนับสนุนบางคน ถึงกับหัวเสียกระทั่งโพสต์เฟซบุ๊กว่า “ไหนว่าจะยอมตายคาสนามประชาธิปไตย หลอก…หรือเปล่า” จนทำให้อีกฝ่ายที่รักคุณยิ่งลักษณ์ออกมาตอบโต้

เรียกว่าเป็นการตอบโต้ด่าทอระหว่างกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงด้วยกันเอง

หลังจากหายมึน หายผิดหวัง มวลชนก็เริ่มเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อการหนีศาลของคุณยิ่งลักษณ์

คราวนี้เริ่มมา “ตั้งหลัก” ที่จะใช้ถ้อยคำวาทกรรมในลักษณะที่จะหาข้ออ้างเพื่อมาเป็นเหตุผลที่ชอบธรรมในการหนีศาลให้กับคุณยิ่งลักษณ์เพื่อที่มวลชนจะได้ไม่เสียศรัทธา

ระดับแกนนำของมวลชนได้ออกมาสื่อสารผ่านโซเชียลเพื่อดับความเดือดดาลของมวลชนที่ไม่เห็นด้วยกับการหนีของคุณยิ่งลักษณ์ โดยอ้างว่า “การหนีเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งใน 36 กลยุทธ์โบราณ การหนีไม่ได้หมายถึงการเลิกต่อสู้ และการบอกว่าจะยอมตายในสนามประชาธิปไตยก็ไม่จำเป็นต้องตายจริงๆ”

พร้อมกับสาธยายต่อไปว่า คุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้ทรยศประชาชนที่หนีไป เพราะคุณยิ่งลักษณ์เป็นอีลีต (ชนชั้นนำ-พวกคนรวย) ก็มีขีดจำกัดได้เท่านี้ จะให้เสียสละมากกว่านี้ก็ถือเป็นการเรียกร้องจากเธอมากไป เท่าที่ผ่านมาการที่คุณยิ่งลักษณ์มาเป็นนายกฯ ก็ถือว่าเสียสละมากแล้ว

ตบท้ายด้วยเหตุผลยอดฮิตว่า การที่คุณยิ่งลักษณ์หนีศาล เป็นเพราะไม่เชื่อมั่นในหลักนิติธรรม เพราะขณะนี้ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย

ในเมื่อการหนีเป็นกลยุทธ์แรกของคุณยิ่งลักษณ์ในทัศนะของคนเสื้อแดง ดังนั้น ก็คงเป็นหน้าที่ของคนเสื้อแดงที่จะหากลยุทธ์ที่สองมารองรับเพื่อชูและเชิดคุณยิ่งลักษณ์ต่อไป

ดูเหมือนว่า เรื่องหลักนิติธรรมจะถูกฝ่ายสนับสนุนนำมาอ้างทั้งในกรณีคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ คืออ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงจะไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล

เป็นเรื่องปกติที่จำเลยทุกคนจะต้องยืนกรานว่าตัวเองไม่ผิด โดยเฉพาะนักการเมืองนั้นก็มักจะหาข้ออ้างสารพัดอย่างเพื่อหาความชอบธรรมให้ตัวเอง

เป็นที่น่าสังเกตว่าการหยิบยกเอาเรื่องหลักนิติธรรมขึ้นมาอ้างนั้น มักเกิดขึ้นเฉพาะในตอนที่ตัวเองถูกตัดสินว่ามีความผิด

แต่เมื่อใดที่คำตัดสินของศาลออกมาว่าตัวเองไม่ผิดก็จะสรรเสริญศาลและกระบวนการยุติธรรมว่าเป็นที่พึ่งได้

กรณีล่าสุดนี้ก็คือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ (น้องเขยคุณทักษิณ) ที่ศาลพิพากษาว่าไม่มีความผิดในคดีสลายการชุมนุมของคนเสื้อเหลือง ซึ่งไม่ปรากฏว่าจะมีเสื้อแดงคนใดออกมาโวยวายบ้างว่าเป็นเพราะหลักนิติธรรมมีปัญหา จึงทำให้นายสมชายพ้นผิด ทั้งที่ศาลก็มีคำตัดสินออกมาในวันที่ 2 สิงหาคม 2560 ซึ่งเป็นยุคที่ไม่มีประชาธิปไตย เป็นยุครัฐบาลทหารเหมือนกัน

แต่คดีคุณยิ่งลักษณ์ที่ศาลกำหนดอ่านคำพิพากษาวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ทำไมคนเสื้อแดงจึงออกมาโวยวายว่าระบบนิติธรรมมีปัญหา ซึ่งก็คงต้องถามกลับในคำถามที่คนเสื้อแดงชอบถามว่า “สองมาตรฐาน” หรือเปล่า

ในเมื่อไม่เคยมีจุดยืนแน่นอนเรื่องหลักนิติธรรม ก็น่าสงสัยว่าการโวยวายเรื่องนิติธรรมของแกนนำเสื้อแดงเป็นการเอา “ความรู้สึกส่วนตัว” เข้ามาวัดใช่หรือไม่

การปล่อยให้คุณยิ่งลักษณ์หนีศาลนั้น ว่าไปแล้วสะท้อนให้เห็นถึงความอ่อนแอของกระบวนการยุติธรรมด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะกระบวนการต้นธารคือเจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่ดูแลควบคุมไม่ให้จำเลยหนีคดี

ประเด็นนี้เห็นชัดเพราะมีคดีใกล้บ้านให้เห็นเป็นตัวอย่างเทียบเคียง ก็คือกรณี ปาร์ก กึน เฮ อดีตประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกดำเนินคดีคล้ายกับคุณยิ่งลักษณ์ คือไม่ได้ทุจริตด้วยตัวเองโดยตรง แต่รู้เห็นเป็นใจให้คนสนิทกระทำการทุจริต (ไม่ต่างจากคุณยิ่งลักษณ์ที่ถูกกล่าวหาว่าละเลยให้มีการทุจริต)

ปาร์ก กึนเฮ ถูกคุมขังทันทีหลังจากศาลอนุมัติหมายจับตามที่อัยการร้องขอ เธอถูกคุมขังมาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2560 นับจนถึงวันนี้ก็ 5 เดือนเศษแล้ว ซึ่งเป็นการถูกคุมขังระหว่างการรอพิจารณาคดีในชั้นศาล เรียกได้ว่าถูกคุมขังตั้งแต่วันแรกที่ถูกอัยการตั้งข้อหาแล้ว และต้องรอไปจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

ต่างจากของไทยที่พอตกเป็นจำเลย (ศาลรับฟ้อง) ก็มีสิทธิประกันตัวออกไปลั้ลลา แล้วก็สบช่อง หนีออกนอกประเทศไปกันหมดทั้งหญิงทั้งชาย ลองไล่เรียงกันดูนักการเมืองรวยล้นฟ้ากี่รายแล้ว ที่หนีออกนอกประเทศหลังจากตกเป็นจำเลย

แต่ระบบของเกาหลีใต้นั้น ไม่เปิดโอกาสให้หนี จึงหนีไม่ทัน โดยบังเอิญว่าในวันที่ 25 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันอ่านคำพิพากษาคุณยิ่งลักษณ์นั้น ที่เกาหลีใต้ศาลตัดสินจำคุกรองประธานซัมซุงและเป็นถึงทายาทซัมซุงบริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้เป็นเวลา 5 ปีในคดีสินบนที่เกี่ยวเนื่องกับ ปาร์ก กึน เฮ

กล่าวสำหรับกรณีของคุณยิ่งลักษณ์นั้น มีหลายสัญญาณบ่งบอกว่าผู้มีอำนาจในปัจจุบันดูเหมือนจะอ่อนข้อรามือให้ ทำนองว่าไม่อยากไล่ล่าตามตัวมารับโทษ

ถึงเวลาหรือยังที่จะแก้กฎหมาย โดยห้ามประกันตัวในคดีทุจริตที่มีโทษสูง และให้ควบคุมตัวตั้งแต่วันแรกที่มีการแจ้งข้อหาเพื่อป้องกันการหลบหนี