ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 กันยายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ของดีมีอยู่ |
เผยแพร่ |
เข้าตำราที่โบราณบอกไว้ว่า “ถี่ลอดตาช้าง ห่างลอดตาเล็น”
เพราะบางอย่างอยู่ใกล้ไปเหมือนปลายจมูก นานๆ ทีถึงจะได้เห็นสักที
เหมือนมิตรสหายบางท่าน บางทีสนิทสนม มัวแต่เฮฮาปาร์ตี้กันเสียจนลืมว่า
เอาเข้าจริงแล้วเพื่อนเรานี่ “อัจฉริยะ” เหมือนกัน
ตั้งใจจะพูดถึง “พี่ปู-พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์” ที่เขาเพิ่งจัดคอนเสิร์ตฉลอง 30 ปีที่อยู่ในวงการไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วนี่ละครับ
คงไม่เข้าข่ายขายของ เพราะงานเขาผ่านไปแล้ว
ตอนที่เพื่อนฝูงทั้งหลายนัดแนะกันไปแสดงความยินดี (ด้วยอุปกรณ์หลายๆ อย่าง-ฮา) ให้พี่ปูแกนั้น
บังเอิญว่าติดธุระปะปังอย่างอื่นในช่วงบ่ายเย็น กว่าจะตามไปก็ค่ำ
น้องชายที่ไปดูคอนเสิร์ตนี้ด้วยคนหนึ่ง ส่งข่าวมาตั้งแต่เย็นแล้วว่าเมืองทองรถติดมหาศาล (เพราะคอนเสิร์ตพี่เขานี่แหละ)
ก็ยังปลอบใจตัวเองว่ามาถึงเอาค่ำแล้วคงจะไม่เป็นไร
จริงครึ่งเดียว
การจราจรหมดปัญหาไปแล้ว แต่ปัญหาอยู่ตรงหน้าอิมแพ็ค อารีนา ซึ่งเป็นสถานที่จัดแสดง
แฟนานุแฟนของพี่ปูเขาหลั่งไหลกันมาจากทุกทั่วสารทิศ เห็นแต่หัว (และเสื้อยืดพี่ปู) ดำพรืดไปหมด
ศัพท์วัยรุ่นเขาอาจจะบอกว่า “มากันเป็นล้าน”
ยืนเข้าแถวหน้าด่านตรวจความปลอดภัยกันเหยียดยาว ไม่รู้ว่ากี่แถวต่อกี่แถว
แต่ไม่มีหน้าบึ้งหน้างอ
มีแต่ยิ้ม มีแต่เสียงหัวเราะ
ไม่รัก (พี่ปู) กันจริง ทำแบบนี้ไม่ได้
แล้วพี่ปูแกไปทำอะไรให้แฟน (ซึ่งมีทุกรุ่นทุกวัย-จากที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ในวันนั้น) รักได้ขนาดนี้
คำตอบง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ
ทำเพลงสิครับ
ดนตรีโจ๊ะๆ ก็เรื่องหนึ่ง เสน่ห์ส่วนตัวเวลาขึ้นเวทีของพี่ปูก็อีกเรื่องหนึ่ง
แต่ที่ทำให้ ปู พงษ์สิทธิ์ อยู่ยงคงกระพันมาได้ 30 ปีคือตัวเนื้องาน-เนื้อเพลง
แต่งเอง เล่นเอง นอกจากซึ้งเองแล้วยังทำให้คนอื่นซึ้งแบบเดียวกันได้ด้วย
ศิลปินนักร้องคนไหน-วงไหน ที่แต่งเองร้องเอง (และแต่งแล้วฮิตติดหูคนฟัง) ได้
อยู่ยงคงกระพันทั้งนั้นแหละครับ
ไม่เชื่อก็ลองไปเปิดเพลงพี่ปูเขาฟังใหม่
จะให้ดีลองเปิดไล่เรียงฟังมาตั้งแต่งานชิ้นแรกๆ จนกระทั่งถึงงานชิ้นล่าสุด
หาไม่ยากหรอกครับ ในโลกที่ออนไลน์และโซเชียลเริ่มกลืนทุกอย่างเข้าไปอยู่ในนั้น
จะเห็นวิวัฒนาการ ทั้งฝีมือและความคิดของเขาได้ชัดเจนขึ้น
ไม่บรรยายหรอกครับว่าเป็นยังไง ฟังเพลงบนหน้ากระดาษอย่างไรก็ไม่ได้อรรถรส
ต้องฟังเองครับ
ในห้องแต่งตัวก่อนขึ้นเวที นอกจากทีมงานแล้วก็มีบรรดาเพื่อนเลิฟ พี่รัก น้องสนิทของเจ้าของคอนเสิร์ตอยู่หลายวง
เข้าไปนั่งรวมอยู่กับ “พี่ต้อม-ธนา ไชยประสิทธิ์” พี่ใหญ่ของกลุ่ม “เสี่ยโจ-ธรรศพลฐ์ แบเลเวล” หรือเสี่ยโจ แอร์เอเชีย
และ “พี่บอย เบียร์สิงห์-ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์”
นั่งฟังคนฉลาดคุยกันนี่ข้อมูลและข้อคิดก็ท่วมหัว เหมือนอ่านหนังสือดีๆ หลายเล่มรวมกัน
คุยกันอยู่ดีๆ แต่ตอนท้ายไหงออกมาในแนวปรับทุกข์ ว่าด้วยเรื่องการทำมาหากินเสียได้ก็ไม่รู้
ห่วงตรงกันว่าคนชนบท ผู้มีรายได้น้อย ที่ออกอาการฝืดเคืองมาระยะหนึ่ง
จากนี้ไปมีแนวโน้มว่าจะเผชิญหน้ากับปัญหาหนักข้อยิ่งขึ้น
นอกจากต้องยึดพุทธสุภาษิตว่า “ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนแล้ว”
ยังมีคำถามค้างใจกันเอาไว้ด้วยว่า
แล้วรัฐบาลจะผ่อนหนักเป็นเบา
ผ่อนร้อนให้เย็นได้อย่างไร
เขียนเรื่องเพื่อนเรื่องฝูงเปลี่ยนอารมณ์บ้าง
ไม่อย่างนั้นก็ต้องเขียนวนอยู่แต่เรื่องสองมาตรฐาน การใช้อำนาจตามแต่ใจ ความไร้ประสิทธิภาพของระบบ
กลัวท่านผู้อ่านจะเอียนเอาน่ะครับ
เพราะที่เผชิญหน้าในชีวิตจริงอยู่ทุกวันก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว
ไม่ต้องกระทุ้งย้ำเตือนให้เครียดยิ่งขึ้นหรอก