เผยแพร่ |
---|
การปรากฏขึ้นของ “ป่าเสื่อมโทรม” ที่ห้วยเม็ก ขอนแก่น ประสานกับการปรากฏขึ้นของ “เรือเหาะ” กองทัพบก
ดำเนินไปในแบบ “คนละเรื่อง เดียวกัน”
เป็นคนละเรื่องเพราะเรื่องหนึ่งสัมพันธ์กับ “ป่า” ขณะที่อีกเรื่องหนึ่งสัมพันธ์กับ “อากาศยาน”
แต่เมื่อเดินตามไปถึงที่สุดกลับอยู่ที่คนๆเดียวกัน
เป็นคนละเรื่องเพราะเรื่อง “ป่า” ลงนามอนุมัติโดยรัฐมนตรี่ว่า การกระทรวงมหาดไทย ขณะที่เรื่อง “เรือเหาะ” เสนอผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโดยผู้บัญชาการทหารบก
แต่เป็นเรื่องเดียวกันเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา คือ ผบ.ทบ.
หากมองจากสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่เหมือนกับว่าไม่ว่าเรื่อง “ป่าเสื่อมโทรม” ไม่ว่าเรื่อง “เรือเหาะ”
ล้วนเดินมาถึง “บทจบ”
เพราะเมื่อบริษัทเจ้าของที่ดินไม่ยอมเดินหน้าโครงการกรณีอันเกี่ยวกับ “ป่าเสื่อมโทรม” ก็เหมือนกับไม่ได้เกิดขึ้น
เพราะเมื่อ “เรือเหาะ” ได้รับการประกาศปลดระวางในเดือนกันยายน 2560 โดยผบ.ทบ.คนปัจจุบัน จึงไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับ ผบ.ทบ.ที่เป็นเจ้าของเรื่องเมื่อเดือนมีนาคม 2552
จึงไม่น่าจะมีการฟื้นฝอยหาตะเข็บ
แต่คำถามที่ตามมาอย่างฉับพลันทันใดคือ สังคม “ปัจจุบัน” ต้องการจะให้ “จบ” หรือไม่
ตอบได้เลยว่า ไม่น่าจะจบง่าย-ง่าย
ในความเป็นจริงกรณี “ป่าเสื่อมโทรม” มากด้วยเงื่อนงำ มากด้วยช่องว่างและรอยโหว่
เพราะป่าไม่ได้เสื่อมโทรม
เพราะในระดับพื้นที่ ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด มีการจัดทำเอกสาร”ปลอม”มากมาย
เช่นเดียวกับกรณี “เรือเหาะ”
ปัญหาที่สังคมข้องใจเป็นอย่างมากคือ ในการจัดซื้อจัดจ้างมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบ รัดกุมหรือไม่เพราะเป็น “เรือ” ที่ไม่ยอม “เหาะ” เสียแล้ว
คำถามในทาง “สังคม” อันตามมาก็คือ ใครสมควร “รับผิดชอบ” ในเรื่องนี้