จิตต์สุภา ฉิน : ไปเบอร์ลินและฟินกับ IFA

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

ในหนึ่งปี มีงานเทคโนโลยีหลายงานที่น่าไป

ไล่มาตั้งแต่งานแรกที่เปิดประเดิมทุกต้นปีหลังวันปีใหม่ อย่างงาน CES ในลาสเวกัส

งานจัดแสดงโมบายอันแสนยิ่งใหญ่อย่าง Mobile World Congress ที่บาร์เซโลนา สเปน หรือใครมาทางสายนักพัฒนาก็อาจจะมีงานที่ใฝ่ฝันอยากไปเข้าร่วม อย่าง Google I/O ของกูเกิล หรือ WWDC ของแอปเปิ้ล

แต่อีกหนึ่งงานที่น่าไปทางฝั่งยุโรป ก็คืองาน IFA ที่จัดขึ้นที่เบอร์ลิน เยอรมนี เป็นประจำทุกปี

ซึ่งซู่ชิงมีโอกาสได้เดินทางไปเข้าร่วมงานนี้เป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาค่ะ

 

งาน IFA ย่อมาจาก Internationale Funkausstellung Berlin มีประวัติการจัดงานครั้งแรกย้อนไปตั้งแต่ปี 1924 จึงนับเป็นงานที่ค่อนข้างเก่าแก่มากทีเดียว

งาน IFA ได้กลายเป็นอีกหนึ่งงานจัดแสดงเทคโนโลยีระดับโลกที่มุ่งเน้นความสำคัญไปที่อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค

แน่นอนว่ามีไฮไลต์สมาร์ตโฟนและคอมพิวเตอร์ที่น่าสนใจด้วยไม่น้อยเลยทีเดียว

การเดินทางไปร่วมงานในครั้งนี้ซู่ชิงมีโอกาสได้ไปนั่งฟังแถลงข่าวของแบรนด์เอเซอร์ แบรนด์สัญชาติไต้หวันที่อยู่คู่กับผู้บริโภคมายาวนาน

และพยายามจะสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นแบรนด์ระดับโลกให้ได้มากขึ้น

ซึ่งงานในครั้งนี้เอเซอร์ก็เปิดตัวหลายอย่างที่น่าสนใจค่ะ

ใครที่ติดตามเอเซอร์ในช่วงหลังๆ จะเห็นว่าแบรนด์มุ่งเน้นการสร้างภาพลักษณ์ทางด้านการเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เกมมิ่งระดับคุณภาพสูง ภายใต้ชื่อ พรีเดเตอร์ (Predator)

และพยายามผลักดันในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นให้อุตสาหกรรมการเล่นเกมซึ่งก็รวมถึงในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

งานในครั้งนี้เอเซอร์ก็เปิดตัวคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ภายใต้ซีรี่ส์พรีเดเตอร์ ที่ออกแบบมาให้ทรงพลัง เหมาะกับนักเล่นเกมหรือคนทำงานโปรดักชั่นที่ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์สเป๊กสูง ต้องการจอคุณภาพดี หรือหูฟังเทคโนโลยีล้ำหน้า ที่จะทำให้สามารถสร้างสรรค์งานดีๆ ออกมาได้

ในขณะเดียวกันก็ครอบคลุมคอมพิวเตอร์สำหรับผู้ใช้งานระดับทั่วไป อย่างซีรี่ส์ Switch ที่ปรับโหมดไปมาระหว่างการเป็นคอมพิวเตอร์พกพาหรือแท็บเล็ตได้ Spin คอมพิวเตอร์ที่ปรับหมุนหน้าจอได้ และ Swift คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กบางเฉียบ

 

บ่อยครั้งที่ซู่ชิงมักจะได้ยินเสียงบ่นจากผู้ติดตามว่าเอเซอร์เป็นคอมพิวเตอร์ที่ราคาไม่แพง แต่มีปัญหาบ่อย เสียง่าย น่าเบื่อ ฯลฯ

แต่อันที่จริงแล้วหากเราเปิดใจมองกันอย่างแฟร์ๆ สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นในยุคที่คอมพิวเตอร์พกพาเข้าสู่ยุคที่เพิ่งจะเริ่มได้รับความนิยมและต้องผลิตออกมาในปริมาณเยอะๆ ในขณะที่ต้องคุมต้นทุนให้ราคาไม่แพงจนเกินไปด้วย ทำให้เรามักจะไม่นำเอาแบรนด์เอเซอร์มาเชื่อมโยงเข้ากับความเป็นนวัตกรรม หรือแบรนด์ที่จะเรียกเสียงฮือฮาจากเราได้

แต่หากมาเริ่มติดตามเอเซอร์ในช่วงหลังจะพบว่าเอเซอร์เองก็พยายามที่จะอัพเกมตัวเองขึ้นมาไม่น้อย

และเมื่อสายการผลิตเริ่มอยู่ตัว ก็เริ่มมีเวลาทุ่มเทให้กับการทำวิจัยและพัฒนามากขึ้นกว่าที่ผ่านมาที่มุ่งมั่นผลิตป้อนความต้องการของตลาดแต่เพียงอย่างเดียว

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดในงานแถลงข่าวของเอเซอร์คือความพยายามในการจะเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ “คูล” บนเวที ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์เทคโนโลยีพยายามเดินตามรอยแอปเปิ้ลที่เป็นเจ้าแห่งการทำคีย์โน้ต

แต่เนื่องจากประสบการณ์ยังไม่มากพอ ทำให้คีย์โน้ตของเอเซอร์ออกมาแปร่งๆ คร่อมจังหวะ ก่ายกันไปมาอย่างกระอักกระอ่วน

และความพยายามในการทำตัวคูลนี่เองที่กลับดึงความสนใจออกจากผลิตภัณฑ์ไปอย่างน่าเสียดาย

ทั้งที่มีหลายอย่างที่เป็นนวัตกรรมที่เอเซอร์สามารถนำเสนอได้อย่างภาคภูมิใจ

ไม่ว่าจะเป็นเกมมิ่งคอมพิวเตอร์ หรือหูฟังที่สามารถจับทิศทางของเสียงได้ทำให้ไม่ว่าจะหันศีรษะไปทางไหนก็จะได้ยินเสียงมาจากแหล่งเดิมเสมอ

และการทุ่มเทกับเทคโนโลยีเสมือนจริง หรือเทคโนโลยีผสมที่เรียกว่า Mixed Reality อย่างจริงจัง ซึ่งหลายๆ อย่างถือเป็นสิ่งที่ไม่มีแบรนด์อื่นทำหรือทำได้ดีเท่า และคู่ควรกับการปรบมือให้หากมีจังหวะการนำเสนอที่ดี

ดังนั้น สำหรับซู่ชิงแล้ว หากมีผลิตภัณฑ์ที่ควรค่ากับความสนใจ ไม่ต้องใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ในแบบซิลิคอน วัลเลย์สมัยใหม่ แต่จะสวมสูท ผูกไท้ ใส่รองเท้าขัดมันแวววับ ขึ้นมานำเสนอด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก็จะยังเป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่ดี

แถมอาจจะเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ไปอีกทาง ว่า “เราเป็นแบรนด์ที่จริงจังกับทุกอย่าง ไม่เล่น ไม่หละหลวม มีความเป็นทางการ เป็นมืออาชีพ อยู่คู่กับผู้ใช้ในแบบนี้มาเสมอ และจะอยู่แบบนี้ตลอดไป”

แบบนี้ก็น่าจะโอเคนะคะ

 

นอกจากคอมพิวเตอร์แล้ว ในงานนี้เอเซอร์ก็เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่อื่นๆ อีกหลายอย่าง

ซู่ชิงยกตัวอย่างที่ชอบมาให้ฟังนะคะ

อย่างเช่น Vision360 เป็นกล้องติดหน้ารถซึ่งเก็บภาพได้ 360 องศา และเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ ทุกครั้งที่มีการบันทึกภาพ กล้องจะอัพโหลดไฟล์ภาพเหล่านั้นไปเก็บไว้บนคลาวด์ด้วยตัวเอง ทำให้เราไม่มีทางสูญเสียหลักฐานชิ้นสำคัญไปได้

หรือหากรถจอดอยู่เฉยๆ แล้วถูกเสยท้าย ถึงแม้เราจะไม่อยู่ หรือไม่มีใครแถวนั้นเป็นประจักษ์พยานให้ กล้องก็จะเริ่มลงมือบันทึกภาพโดยอัตโนมัติ และส่งไฟล์ไปเก็บไว้บนคลาวด์ทันที

แถมจะส่งคำแจ้งเตือนไปให้เจ้าของรถได้รู้ว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรถของตัวเองแล้ว ให้รีบกลับไปดูด่วน

ถ้ากลับไปดูไม่ได้ทันทีในตอนนั้น ก็ใช้สมาร์ตโฟนกดเข้าไปตรวจสอบภาพบนคลาวด์ได้ก่อน

น่าสนใจใช่ไหมล่ะคะ

อีกอย่างก็คือผลิตภัณฑ์ภายใต้ซีรี่ส์ Pawbo ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำเพื่อคนรักสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ มีทั้งเครื่องจ่ายขนมสัตว์เลี้ยงที่เราสามารถใช้แอพพ์สั่งการให้ให้อาหารหรือขนมให้หมาแมวของเราได้เวลาที่เราไม่อยู่บ้าน

และยังสามารถใช้เครื่องเดียวกันนี้ในการเฝ้าดูพฤติกรรมความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยง โต้ตอบมีปฏิสัมพันธ์ พูดคุยและเล่นเกมบางอย่างกับสัตว์เลี้ยงได้ในระหว่างวันที่เราออกจากบ้านไปทำงาน

ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะเราเฝ้าดูได้ตลอดเวลา

และไม่ต้องห่วงว่ามันจะเหงา เพราะส่งเสียงมาคุย หรือชวนมันเล่นได้เสมอ ซึ่งนอกจากเจ้าเครื่องนี้แล้วก็ยังมีปลอกคอที่ติดตามตำแหน่งที่อยู่ของสัตว์เลี้ยง หรือตัวแทร็กเกอร์เก็บข้อมูลกิจกรรมและสุขภาพของมันได้ด้วย

เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับยุคที่เราเลี้ยงหมาและแมวแทนลูกแบบนี้

เห็นไหมคะว่าเอเซอร์เขาขยายไลน์ผลิตภัณฑ์และเป็นมากกว่าแบรนด์ผลิตคอมพิวเตอร์ไปแล้ว

 

ภายในงาน IFA นี้ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ รวมถึงเทคโนโลยีคอนเซ็ปต์สุดแปลกที่ถูกนำมาแสดงไว้

อย่างเช่น เครื่องมือช่วยฝังชิพไว้ในร่างกายของเราเพื่อใช้แทนกุญแจรถหรือไว้ใช้เก็บข้อมูลส่วนตัว

เครื่องสแกนที่ติดไว้ข้างถังขยะและจะคอยบอกเราว่าขยะที่เรากำลังจะทิ้งเป็นขยะที่ต้องรีไซเคิลในหมวดหมู่ไหน

ตู้ที่สามารถซักผ้า อบผ้า และพับผ้าให้ภายในเครื่องเดียวจบโดยไม่ต้องเป็นภาระของมนุษย์

หรือตู้อบอาหารที่สามารถตรวจจับได้ด้วยตัวเองว่าอาหารที่เราใส่เข้าไปเป็นอาหารประเภทไหน และต้องใช้ความร้อนเท่าไหร่ หรือวิธีปรุงแบบใดจึงจะเหมาะที่สุดโดยที่เราไม่ต้องเปิดตู้มาตรวจสอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ทั้งหมดนี้นำมาจัดแสดงไว้ให้ดูในงาน IFA นี่แหละค่ะ

แถมไปเยอรมนีคราวนี้ ซู่ชิงไม่ได้นำแค่ความประทับใจในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมกลับมาเท่านั้นนะคะ

แต่ยังมีทั้งขาหมู ไส้กรอก เบียร์ ซาลามี่ และอื่นๆ อีกมากมายติดพุงกลับมาด้วย

อิ่มไปอีกนานเลยค่ะ