E-DUANG : สัญญาณ “การเมือง” ส่งตรง “เพื่อไทย”

หลังการขับเคลื่อนคดีจำนำข้าวต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็มีการขับเคลื่อนคดีฟอกเงินแบงก์กรุงไทยต่อ นายพานทองแท้ ชินวัตร

ดำเนินไปเหมือนกับ “การตีเหล็ก”

ไม่ว่าช่างเหล็กยุคฉินแห่งตงง้วน ไม่ว่าช่างเหล็กยุคโตกุกาว่าแห่งสามเกาะบูรพาล้วนเห็นตรงกัน

“ตีเหล็ก” ต้องตีตอน “ร้อน”

แม้การขับเคลื่อนคดีจำนำข้าวต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะยังไม่ถึงบทจบ

แต่การฟื้นคดีฟอกเงินแบงก์กรุงไทยก็จำเป็น

นี่ย่อมเป็นการขับเคลื่อนอันมี “ป.ป.ช.” และ “ดีเอสไอ” เป็นจุดเริ่มต้น และ “ศาล” เป็นจุดสุดท้าย

เป็นหลักประกันมิให้กลายเป็น “เสียของ”

 

ยังไม่มีใครประเมินได้ว่า ที่สุดของกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะดำเนินไปอย่างไร

ที่สุดของกรณี นายพานทองแท้ ชินวัตร จะเป็นอย่างไร

แต่รูปธรรมที่แน่นอนอย่างที่สุดจากกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็อ่านได้จากกรณีของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และ นายภูมิ สารผล

นั่นหมายถึงหมดโอกาสสิ้นเชิงในทาง “การเมือง”

ขณะเดียวกัน เพียงยกกรณีฟอกเงินโยนเข้าใส่ นายพานทองแท้ ชินวัตร ก็เกิดอาการไหวกระเพื่อมตลอดแนวจากภายในพรรคเพื่อไทย

ไม่ว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไม่ว่า นายชูศั้กดิ์ ศิรินิล ล้วนขยับ

ยืนยันว่าเป็นการตีตรงเป้า เข้าขนดหาง

 

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายของคสช. เป้าหมายของรัฐบาล วางไว้ไกลอย่างยิ่ง

ไกลถึงระดับไม่ยอมอยู่”ใต้หล้า”เดียวกัน

เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณไปยังคนที่หนุนอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทยอย่างเด่นชัด

เป็นการเตือนบนพื้นฐานไม่ให้ “เสียของ”

เพราะเคยเสียของมาแล้วกับพรรคพลังประชาชนเมื่อปี 2550 เพราะเคยเสียของมาแล้วกับพรรคเพื่อไทยเมื่อปี่ 2554

สัญญาณนี้ส่งตรงถึง “การเลือกตั้ง”