E-DUANG : แรงสะเทือนจากปัญหา “ธรรมกาย”

ปัญหาอันเนื่องแต่มติครม.เห็นชอบการโอนย้ายผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)

ทรงความหมายเป็นอย่างสูง

น่ายินดีที่มีคนออกมาร้องเอะอะโวยวาย

ไม่ว่าจะเป็นการเอะอะโวยวายจากตัวผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)

ไม่ว่าจะเป็นการเอะอะโวยวายจาก “กองเชียร์”

เพราะยิ่งมีการสำแดง “อาการ” ออกมามากเพียงใด ก็ยิ่งจะทำให้ประจักษ์ใน “ปัญหา” อันซ่อนแฝงอยู่เด่นชัดมากยิ่งขึ้น

เพราะนี่คือ “ปลายบน” สุดของ “ภูเขาน้ำแข็ง”

 

คำถามก็คือผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา(พศ.)คนนี้มาจากไหน

คำตอบ คือ มาจาก “อีเอสไอ”

คำถามที่ตามมาก็คือ เขาเหาะแหวกเมฆจาก “ดีเอสไอ” มาอยู่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)เพื่ออะไร

คำตอบ คือ เพื่อจัดการกับปัญหา “วัดพระธรรมกาย”

คำถามที่ตามมาก็คือ เขาได้เป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา(พศ.)ด้วยอำนาจอะไร

คำตอบ คือ มาตรา 44

คำถามที่ตามมาก็คือ หลังการมาเป็นเมื่อเดือนมีนาคม 2559 ตราบกระทั่งเดือนกันยายน 2560 เป็นอย่างไร

คำตอบ คือ จำเป็นต้อง “ย้ายออก”

ปัญหาก็คือ ไม่สามารถทำงานร่วมกับมหาเถรสมาคม(มส.)ได้โดยราบรื่น

แทนที่จะ “สนองงาน” กลับคิดมากกว่านั้น

 

หากปล่อยให้เกิดการเอะอะโวยวายขยายวงมากขึ้นเพียงใดปัญหาอันเกี่ยวกับ “วัดพระธรรมกาย” ก็จะโผล่ขึ้นมาอีก

ถามว่าที่จะจัดการกับ”พระธัมมชโย”ไปถึงไหนแล้ว

ถามว่าที่จะจัดการกับ “วัดพระธรรมกาย” ถึงขนาดนำเอามาตรา 44 มาใช้ผลเป็นอย่างไร

จำนวน 300 กว่าคดี “สยบ” ได้หรือไม่

คำถามจะไม่อยู่เพียงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) หากจะลามไปถึงรัฐบาล ลามไปถึงคสช.

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็น “ผลข้างเคียง”