เผยแพร่ |
---|
เมื่อเอ่ยถึง “สงบสยบการเคลื่อนไหว” นักรำมวยไทเก๊กมักเกิดนัยประหวัดถึงท่าน “จางซันฟง”
ขณะที่คอกำลังภายในนึกเห็นภาพ “อาฮุย”
แท้จริงแล้ว ไม่ว่ากรณีของ “อาฮุย” ไม่ว่ากรณีของ”จางซันฟง” ล้วนเป็นการเรียนรู้จาก “ธรรมชาติ”
เรียนรู้จากการต่อสู้ของ “กะเรียน” กับ “งู”
เรียนรู้แล้วตกผลึกกระทั่งสามารถสรุปได้ในเรื่องของความอดทนและรอคอย
แล้วจริงๆแล้วกระบวนการของ”กะเรียน” เป็นอย่างไร
กะเรียนแม้จะมีจงอยปากคมแต่ยังคงไม่กล้าจู่โจมตามอำเภอน้ำใจตน
เพราะมันรู้จักสัญชาตญาณ “งู”
นั่นก็คือ หลังจากขดเป็นวง หัวหางติดต่อกันแล้วจะมีความ คล่องแคล่วปราดเปรียว
ยิ่งกว่าสายฟ้าแลบ แปลบปลาบ
สภาพเช่นนี้หากกะเรียนใช้จงอยปากจิกหัว ขาทั้ง 2 ของมันย่อมถูกหางงูรัด
ขณะเดียวกัน หากจิกหางก็อยากยิ่งจะไม่ถูกหัวฉกทำร้าย
จากนี้กะเรียนจึงได้บทสรุป จากพื้นฐานแห่งสัญชาตญาณของมันเอง
โดยการยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว
รอจนกระทั่งงูมิอาจอดรนทนได้ จำต้องจู่โจมก่อนจึงได้ใช้จงอยปากอันคมและแข็งจิก
ชัยชนะจึงเป็นของกะเรียน
เมื่อได้รับรู้เรื่องของ “จางซันฟง” เมื่อได้อ่านกระบวนการเรียนรู้ของ “อาฮุย”
ทำให้”จินตภาพ” ของ”สงบ”แจ่มชัด
แจ่มชัดกระทั่งนำไปสู่บทสรุปที่ว่า “ใช้สงบ สยบเคลื่อนไหว ใช้กะปรี้กะเปร่าทำลายระโหยโรยแรง”
แต่ประเด็นอยู่ที่บทสรุปนี้อยู่ในพรมแดนแห่ง”การต่อสู้”
การต่อสู้ย่อมอยู่ตรงกันข้ามกับการยอมจำนน หมอบราบคาบแก้วอย่างสิ้นเชิง หากสิโรราบตั้งแต่ต้นไม่คิดต่อสู้ต่อให้ศึกษาบทเรียน “ร้อยกะเรียน”ก็ไม่มีบทบาท
คำถามจึงอยู่ที่ว่าจะ”ต่อสู้”หรือว่า”ยอมจำนน”