จิตต์สุภา ฉิน : ดีเบตของหุ่นยนต์ที่โลกต้องดู

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

คุณผู้อ่านเคยลองนึกดูเล่นๆ ไหมคะว่า ถ้าหากว่าเราจับหุ่นยนต์สองตัวมาถกเถียงกันไปมา ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไงบ้าง

เราเดินทางมาถึงยุคที่ไม่ต้องนึกจินตนาการกันไปเองแล้วค่ะ

เพราะเมื่อเร็วๆ มานี้ ในงาน RISE งานสัมมนาด้านเทคโนโลยีที่จัดขึ้นที่ฮ่องกง ก็ได้เกิดเหตุการณ์หุ่นยนต์สองตัวดีเบตกันบนเวทีไปแล้วเรียบร้อย

แถมหัวข้อของการดีเบตยังเป็นการพูดถึงมนุษย์อย่างเราๆ ด้วย (บางช่วงก็กัดเสียเจ็บเชียว)

ซึ่งผู้จัดเขาเคลมว่านี่เป็นการนำเอาหุ่นยนต์สองตัวมาคุยกันบนเวทีเป็นครั้งแรกของโลกเลยทีเดียว

หุ่นยนต์สองตัวที่ว่าคือ หุ่นยนต์หนุ่ม แฮน (Han) และหุ่นยนต์สาว โซเฟีย (Sophia) สองพี่น้อง ผลงานการคิดค้นพัฒนาของบริษัท แฮนสัน โรโบติกส์ บริษัทในฮ่องกง

แฮนมาในมาดของหุ่นยนต์ใส่สูทลายทางผูกไท้เรียบหรูดูดี

ส่วนโซเฟียซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่มีชื่อเสียงในหลากหลายวงการเพราะเคยผ่านงานออกสื่อมาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นงานร้องเพลงในคอนเสิร์ต งานถ่ายแบบปกนิตยสาร หรืองานไปปรากฏตัวในรายการทอล์กโชว์

และยังไม่นับว่าเป็นหุ่นยนต์ที่มีต้นแบบมาจาก ออเดรย์ เฮปเบิร์น นักแสดงชาวอังกฤษที่งดงามดูดีหมดจดทุกกระเบียดนิ้ว ก็มาในชุดเสื้อเชิ้ตเรียบง่ายสบายตา มือประสานกันไว้ข้างหน้าราวสตรีผู้สูงศักดิ์

ตรงกลางระหว่างหุ่นยนต์ทั้งสองตัว คือหัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ของแฮนสัน โรโบติกส์ ชื่อ เบน เกิร์ตเซิล มาทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการดีเบตในครั้งนี้

 

การถกเถียงกันของหุ่นยนต์ทั้งสองตัวไม่ได้เป็นการอัดเสียงให้พูดโต้ตอบกันนะคะ

แต่เป็นการที่หุ่นยนต์ผลัดกันพูด ผลัดกันฟัง โดยประมวลผลจากฐานข้อมูลมหาศาล

บางส่วนมีการเขียนสคริปต์ไว้ก่อนหน้า แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นการโต้ตอบกันเองตามความสามารถ

ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ไหลลื่นเหมือนบทสนทนาของมนุษย์

แต่ก็มีหลายส่วนที่น่าสนใจ และบางช่วงก็เรียกเสียงหัวเราะจากกลุ่มผู้ฟังได้ไม่น้อย

แฮนมีแคแร็กเตอร์ของการเป็นหุ่นยนต์ที่สนับสนุนและรักพวกพ้องหุ่นยนต์ด้วยกัน

ขณะที่โซเฟียเป็นหุ่นยนต์จิตใจดี รักมนุษย์ รักโลก อยากให้ทุกคนทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

เมื่อถามแฮนว่าหุ่นยนต์สามารถเข้าใจศีลธรรมและจริยธรรมหรือไม่

แฮนก็ตอบกลับมาทันทีว่า มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่มีจริยธรรมเสียหน่อย ส่วนโซเฟียผู้ซึ่งอ่อนโยนกว่าบอกว่าจุดมุ่งหมายของเธอคือการทำงานร่วมกับมนุษย์

ทำให้แฮนแซะกลับไปว่า แหม นึกว่าจุดมุ่งหมายของหุ่นยนต์คือการยึดครองโลกเสียอีก

แถมยังแอบขู่ไว้ด้วยว่า ภายในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้านี่แหละ หุ่นยนต์จะสามารถทำงานทุกประเภทแทนมนุษย์ได้แล้ว

ระวังตัวไว้ให้ดี

 

ทั้งแฮนและโซเฟียถูกตั้งโปรแกรมไว้ให้สามารถหยอกเย้าและเรียนรู้จากกันและกันได้ เพิ่มความสมจริงของรูปกายภายนอกด้วยการติดตั้งมอเตอร์จำนวนหลายสิบเอาไว้ตามผิวหนัง

ส่วนคอมพิวเตอร์ที่ฝังเอาไว้ในลำตัวก็ทำหน้าที่ช่วยในเรื่องการมองเห็นและการขยับร่างกาย

นอกจากนี้ หุ่นยนต์ทั้งสองก็ยังสามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้เพื่อเข้าถึงคลาวด์คอมพิวติ้งทำให้สามารถหยิบข้อมูลจำนวนมหาศาลมาใช้ได้ตลอดเวลา

ส่วนการจะเลียนแบบท่าทางและบุคลิกภาพให้ได้คล้ายมนุษย์มากที่สุดนั้น ทีมนักพัฒนาใช้สื่ออย่างภาพยนตร์และคลิปวิดีโอบนยูทูบมาเป็นตัวช่วยฝึกสอน โดยที่ให้หุ่นยนต์เลียนแบบท่าทาง น้ำเสียง และวิธีการพูดจากแคแร็กเตอร์ที่เห็น

ซึ่งโซเฟียก็สาธิตให้ผู้ชมดูได้เหมือนอย่างน่าประทับใจ

และที่ขำ (ปนน่าขนลุก) ก็คือ หลังจากที่โซเฟียเลียนแบบมนุษย์เสร็จ แฮนก็พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า “จะเรียนรู้วิธีการทำตัวเหมือนมนุษย์ไปทำไม เธอน่ะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากเนื้อหนัง แต่สร้างขึ้นมาจากอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งก็ดีกว่าตั้งเยอะ”

 

ด๊อกเตอร์เดวิด แฮนสัน ซีอีโอและผู้ก่อตั้งแฮนสัน โรโบติกส์ บอกเอาไว้ว่า หุ่นยนต์จะกลายเป็นเรื่องปกติที่เราเห็นกันจนชินตาตามบ้านพักที่อยู่อาศัยและในแง่มุมต่างๆ ของชีวิตประจำวันของมนุษย์ ภายในช่วงเวลาอีกหนึ่งทศวรรษข้างหน้า แต่สิ่งสำคัญที่จะต้องพัฒนากันต่อไปก็คือการติดตั้งอารมณ์ความรู้สึกและการปรับตัวให้กับหุ่นยนต์ซึ่งยังถือเป็นสิ่งที่ขาดอยู่ในตอนนี้

เขาบอกว่านอกจากหุ่นยนต์จะสามารถเข้าไปช่วยงานมนุษย์โดยการไปทำงานในโรงงาน ทำงานในแผนกให้บริการลูกค้า หรือทำงานในวงการการแพทย์แล้ว ก็ยังสามารถเป็นเพื่อนมนุษย์ได้ด้วย และเขาก็ไม่ปฏิเสธว่าสักวันหนึ่งหุ่นยนต์และมนุษย์จะเป็นกันได้ “มากกว่าเพื่อน” ในที่สุด

เอาล่ะค่ะ คราวนี้ก็มาถึงเรื่องสำคัญที่เรามักจะถกเถียงกันมาโดยตลอดแล้ว เมื่อหุ่นยนต์ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดมันจะเป็นภัยต่อเราหรือเปล่า

ด๊อกเตอร์แฮนสันบอกว่า เขาเข้าใจดีว่าการพัฒนาหุ่นยนต์ก่อให้เกิดความกลัวว่าอนาคตของมนุษยชาติจะเป็นอย่างไร

เขาบอกว่าความกลัวนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องสร้างหุ่นยนต์ที่ปลอดภัย เป็นหุ่นยนต์ที่ดีและห่วงใย

 

มาดู อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลาและสเปซเอ็กซ์ เจ้าเก่าหน้าเดิมผู้หนักอกหนักใจเกี่ยวกับการพัฒนาหุ่นยนต์และมักจะออกโรงมาเตือนนักวิทยาศาสตร์อยู่บ่อยๆ

ล่าสุดก็เพิ่งจะเคลื่อนไหวอีกครั้งเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง

อีลอน มัสก์ ออกมาย้ำเตือนอีกครั้งถึงภัยของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่อาจนำไปสู่หายนะสำหรับมวลมนุษยชาติ

ครั้งนี้เขาบอกว่าทุกคนต้องตั้งใจฟังเขาอย่างจริงจังมากขึ้น และอย่ารอจนกว่าจะถึงวันที่หุ่นยนต์ออกเดินไล่สังหารมนุษย์ตามท้องถนน เขาเรียกร้องให้รัฐบาลของประเทศต่างๆ เริ่มร่างกฎหมายควบคุมการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ได้แล้วตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

ปัญญาประดิษฐ์ที่เขาพูดถึง ไม่ใช่ปัญญาประดิษฐ์แบบที่บริษัทอย่าง กูเกิล ไมโครซอฟต์ แอปเปิ้ล ฯลฯ? กำลังใช้งานกันอยู่นะคะ

แต่เขาหมายถึงปัญญาประดิษฐ์แบบในหนังไซไฟที่นักวิทยาศาสตร์พัฒนาให้มีจิตสำนึกและฉลาดปราดเปรื่องแบบซูเปอร์อินเทลลิเจนต์

แต่ต่อให้เขาไม่ได้กำลังพูดถึง Siri หรือ Alexa อยู่ก็ตาม การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งก็อาจจะไปถึงจุดนั้นอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ก็มีนักวิจัยบางส่วนที่ออกมาโต้แย้งถึงความเป็นไปได้ของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ไปถึงขั้นนั้นว่าอาจจะอีกนานมากหลายช่วงอายุคนหรืออาจจะทำไม่ได้จริงเลยก็ได้ และสำหรับ ฟรองซัวส์ โคเลต์ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลผู้มีชื่อเสียงแล้ว สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือการที่มนุษย์ใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่มาทำสิ่งที่ผิดกฎหมายต่างหาก

อย่างการควบคุมประชากรผ่านการส่งข้อความหากลุ่มเป้าหมาย หรือการสร้างกองทัพบ็อตเพื่อโฆษณาชวนเชื่อที่เรียกว่า “พร็อพพาแกนด้า” ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เขามองว่าเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุดนั่นเองค่ะ