จรัญ พงษ์จีน : เหตุที่ทำให้ต้อง “ปรับ ครม.”

จรัญ พงษ์จีน

สรุปว่า ไม่มีเค้า ไม่มีควัน ข่าวขว้างก้อนหินถามทางว่าด้วย “การปรับคณะรัฐมนตรี” ของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จาก “ตู่ 4” สู่ “ตู่ 5” ด้วยสูตร “ปรับใหญ่” ทั้งนี้ เพื่อเตรียมแผนไว้รับมือ เพื่อศึกเลือกตั้งใหญ่ แต่เนิ่นๆ

ด้วยการโยก “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มือประสานสิบทิศ ไปนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สลับฟันปลากับ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” อาจจะเปลี่ยนรหัสจาก “มท.1” มานั่งว่าการกระทรวงกลาโหม หรือหลุดออกจากตำแหน่งเลย

จุดประสงค์ใหญ่หลวงอย่างยิ่ง ให้ “บิ๊กป้อม” ไปดูแลภารกิจศึกเลือกตั้ง ที่จะระเบิดขึ้นตามโรดแม็ปในช่วงปลายปี 2561

นอกจากนั้น ยังขยับ “พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อนสนิทของ “พล.อ.ประยุทธ์” หรือ “พล.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คนหนึ่งคนใดไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แทน “สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ”

เปิดพื้นที่ว่างกระทรวง พม. ไว้รองรับ “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วดันก้น “พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล” รอง ผบ.ตร. ขึ้นเป็นเบอร์ 1 กรมปทุมวันเต็มตัว

ปรากฏว่า “พล.อ.ประยุทธ์” ลมออกหู ออกมาดับไฟข่าวลือดังกล่าวแบบเสียงเข้มเสียงเขียวทันที “ผมยังไม่ได้คิดอะไรสักอย่าง ไม่รู้เป็นข่าวใหญ่โตออกมาได้อย่างไร ไปกันใหญ่ โดยเฉพาะที่มีการพูดกันไปว่า ใครจะไปดูแลการเลือกตั้ง”

“บิ๊กตู่” สาธยายว่า การเลือกตั้งมีขั้นตอน มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ มีกฎหมายอยู่แล้ว ใครจะรักษาการในระหว่างนั้นกฎหมายก็มีบัญญัติไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว กระทรวงมหาดไทยเองก็มีหน้าที่เพียงสนับสนุนการเลือกตั้ง สนับสนุนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไม่ใช่ไปคุมการเลือกตั้ง เป็นคนละเรื่องกัน

“ทำไมถึงไปเขียนกันว่าจะย้ายคนนี้ไปดูตรงนั้น เอากลาโหมไปดูเลือกตั้ง เอาผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไปนั่งเป็นรัฐมนตรี เพ้อเจ้อ คิดไปได้อย่างไร ยืนยันว่าผมไม่ได้คิดอะไรแบบนี้เลย”

ขณะเดียวกัน ในส่วนของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ที่ชื่อปรากฏให้เป็นละครตัวเอกของข่าวลือ ระบุว่า “ผมได้บอกนายกฯ ว่า กระแสข่าวดังกล่าว สื่อมวลชนเป็นคนตั้งทั้งนั้น เพราะนายกฯ ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย”

ผู้สื่อข่าวแย้งว่า ส่วนตัวยืนยันจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต่อไปหรือไม่ ในเมื่อสุขภาพร่างกายไม่ดี “บิ๊กป้อม” ตอบว่า “ถ้าพวกคุณอยากให้ผมไป ผมก็จะไป”

การมุ่งสร้างกระแส “ปรับคณะรัฐมนตรี” ของ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่ดันมาเวิร์กเอาตอนนี้ ทั้งๆ ที่ศึกเลือกตั้งใหญ่ยังอีกยาวไกล หากเป็นไปตามโรดแม็ปก็ราวปลายปี พ.ศ.2561 หรือต้นปี 2562 ชนวนมาจากหลายเงื่อนไขประกอบกัน

“ประการแรก” ผลจากการสำรวจของโพลหลายสำนัก แม้จะเป็น “โพลจัดตั้ง” ความรู้สึกของภาพรวมออกมาในทิศทาง เศรษฐกิจเป็นปัญหาใหญ่มากที่สุด โดยเฉพาะชนชั้นล่าง “รากหญ้า” ไม่มีอันจะกิน

ผลมาจากราคาพืชผลเกษตร ไม่ว่า ข้าว-อ้อย-มันสำปะหลัง-ยางพารา ล้วนตกต่ำหนัก เหตุปัจจัยส่วนหนึ่งมาจาก “ทีมเศรษฐกิจ” มีมุมมองและแนวนโยบายไปคนละทิศคนละทาง ระหว่างวิธีคิดของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ กับ “พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นมรรคผลให้โมเมนตัมขาดความต่อเนื่อง การประสานงานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรติดๆ ขัดๆ

“ประการที่สอง” ใกล้เดือนกันยายน ฤดูกาลสิ้นปีงบประมาณ มีบรรดาข้าราชการระดับปลัดกระทรวง อธิบดีหลายคน ถึงเกษียณอายุราชการ เลยฝันลมๆ แล้งๆ ว่า ถูกหวย “บิ๊กตู่” อาจจะส่งเทียบเชิญมาเป็นเสนาบดีร่วมสมัยบ้าง ก็เลยปล่อยข่าว

เข้าจังหวะปะเหมาะกันกับที่ประดารัฐมนตรีในรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ 4” ที่มาจาก “สายทหาร” ที่ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่สมัย “ประยุทธ์ 1” หลังปฏิวัติ-รัฐประหารเมื่อปี 2557

หลายราย “รากงอก” นอกจาก “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา-พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ-พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” ที่มีชื่อมาแล้วข้างต้น

ยังมีประกอบด้วย “พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม “พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง” รองนายกรัฐมนตรี “พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน “พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร” รองนายกรัฐมนตรี “พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย” รองนายกรัฐมนตรี

ทั้งหมดตกเป็นกลุ่มเป้าหมาย อยู่ในจุดคาดการณ์ว่า “บิ๊กตู่” ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนออก เนื่องจากบางคนผลงานไม่ปรากฏ ทำงานแบบแห้งชามน้ำชาม ชื่อเสียงหายออกจากสนามแม่เหล็ก เป็นรัฐมนตรีที่ “โลกลืม”

ทาง “พล.อ.ประยุทธ์” ได้ตอบแทนบุญคุณ มาในฐานะที่ผู้ร่วมชะตากรรม เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ปฏิวัติ-รัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ด้วยกัน แต่คุ้มค่าต่อการลงทุนแล้ว

ถึงเวลาที่ต้องปรับออก เพื่อเปิดทางสะดวก ให้ดึงบุคคลอื่นที่มีความรู้ความสามารถและเป็นคนรุ่นใหม่เข้ามา เพื่อร่วมกันสร้างผลงานให้ก้าวเดินไปข้างหน้า ดีกว่ากอดคอกันจมน้ำตายหมู่

ด้วยองคาพยพหลายประการดังกล่าว จึงทำให้เกิดช็อตของข่าวลือว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะทำการปรับปรุงคณะรัฐมนตรี ตีวิถีโค้งอ้อมกำแพงไปไกล ว่าเพื่อดึง “พล.อ.ประวิตร” ไปรับมือดูแลศึกเลือกตั้ง เพื่อเป็นเชนคัมแบ๊กกลับมา “สืบทอดอำนาจ” ระลอกใหม่