ว่าด้วยทรราช : 20 บทเรียนจากคริสต์ศตวรรษที่ 20 [เกษียร เตชะพีระ]

เกษียร เตชะพีระ

การได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้มีแนวนโยบายแบบประชานิยมฝ่ายขวา-เหยียดเชื้อชาติ-อำนาจนิยม ทำให้เกิดคำถามแพร่หลายขึ้นในสหรัฐอเมริกาและในโลกว่าตกลงการเมืองอเมริกันซึ่งเคยตั้งตนป็นต้นแบบเสรีประชาธิปไตยกำลังลื่นไถลไปสู่ระบอบทรราชหรือเปล่า?

เพื่อตอบคำถามนี้ ทิโมธี ซไนเดอร์ ศาสตราจารย์ประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเยลในสหรัฐ ผู้ค้นคว้าวิจัยเรื่องสงครามกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในประวัติศาสตร์ยุโรปมาหลายสิบปีได้ประมวลประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้วสรุปขึ้นเป็นบทเรียน 20 บทซึ่งอาจช่วยให้สังคมอเมริกันและประเทศอื่นในโลกหลีกเลี่ยงการเสื่อมถอยจากระบอบเสรีประชาธิปไตยไปเป็นระบบเผด็จการอำนาจนิยมได้

เขากล่าวไว้ในหนังสือ On Tyranny : Twenty Lessons from the Twentieth Century (ค.ศ.2017) ตอนหนึ่งว่า :

“ผมกำลังพยายามออกหน้ามาเสนอเรื่องเชิงปฏิบัติในกิจวัตรประจำวันเอามากๆ เลยที่ผู้คนทั้งหลายอาจทำได้ สิ่งที่อยู่เบื้องหลังข้อเสนอดังกล่าวคือการทำงานค้นคว้าตลอดชีวิตของผมเกี่ยวกับบทตอนต่างๆ ที่เลวร้ายที่สุดของประวัติศาสตร์ยุโรป รวมทั้งความสำนึกว่าอาจเกิดสภาพการณ์วิปริตบิดผันไปอย่างยิ่งได้อย่างไร…

“บรรดาบิดาผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐได้พยายามปกป้องเราจากภัยคุกคามที่พวกเขารู้จัก อันได้แก่ ระบบทรราชซึ่งพิชิตประชาธิปไตยสมัยโบราณลงได้ ทุกวันนี้ ระเบียบการเมืองของเรากลับเผชิญหน้าภัยคุกคามใหม่ๆ ไม่ต่างจากภัยคุกคามจากระบบเผด็จการเบ็ดเสร็จแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 20 จะว่าไปเราก็มิได้ชาญฉลาดไปกว่าชาวยุโรปผู้ได้เคยประสบพบเห็นประชาธิปไตยสยบยอมต่อลัทธิฟาสซิสต์ ลัทธินาซีหรือลัทธิคอมมิวนิสต์ในอดีตหรอก ข้อได้เปรียบอย่างเดียวของเราก็คือเราอาจเรียนรู้จากประสบการณ์ของพวกเขาได้เท่านั้นเอง…”

แล้วอะไรบ้างคือสาระสำคัญของบทเรียน 20 บทจากการที่ประชาธิปไตยเผชิญระบบทรราชในคริสต์ศตวรรษที่ 20?

ทิโมธี ซไนเดอร์ เสนอว่ามันได้แก่ :-

1) อย่ายอมเชื่อฟังล่วงหน้า : อำนาจส่วนใหญ่ของระบบอำนาจนิยมนั้นได้มาเปล่าๆ ปลี้ๆ ในเวลาเยี่ยงนี้ ปัจเจกบุคคลทั้งหลายจะคาดการณ์ล่วงหน้าว่ารัฐบาลที่กดขี่กว่านี้ต้องการอะไร แล้วก็เสนอตัวปรนเปรอให้โดยไม่ต้องขอ พลเมืองที่ปรับตัวทำนองนี้กำลังสอนให้อำนาจรู้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง

2) ปกป้องสถาบันทั้งหลาย : สถาบันทั้งหลายนั่นแหละที่ช่วยให้เราธำรงรักษาความดีงามที่ชอบที่ควรเอาไว้ได้ ในทางกลับกัน สถาบันเหล่านั้นก็ต้องการให้เราช่วยด้วยเช่นกัน ป่วยการจะไปพูดถึง “สถาบันของเรา” เว้นเสียแต่ว่าคุณทำให้มันกลายเป็นสถาบันของคุณโดยกระทำการแทนมัน สถาบันปกป้องตัวมันเองไม่ได้ มันจะทยอยล้มระเนระนาดสถาบันแล้วสถาบันเล่าเว้นเสียแต่ว่าแต่ละสถาบันได้รับการปกป้องแต่ต้น ดังนั้น ก็จงเลือกสถาบันสักแห่งที่คุณแคร์ จะเป็นศาล หนังสือพิมพ์ กฎหมาย หรือสหภาพแรงงานก็ได้ แล้วยืนหยัดเข้าข้างมันเสีย

3) ระวังรัฐที่มีพรรคเดียวให้ดี : พรรคทั้งหลายที่พลิกโฉมรัฐเสียใหม่และกดปราบพรรคคู่แข่งลงไปนั้นหาได้ทรงมหิทธานุภาพไร้เทียมทานมาแต่แรกเริ่มไม่ พรรคเหล่านั้นฉวยใช้ประโยชน์จากจังหวะทางประวัติศาสตร์มาทำให้ปรปักษ์ของตนดำเนินชีวิตทางการเมืองไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้น จงสนับสนุนระบบหลายพรรคและปกป้องกฎกติกาการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยเอาไว้ ไปลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่นและระดับมลรัฐเมื่อคุณทำได้ ลองคิดดูว่าจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งเองบ้างไหม

4) เข้ารับผิดชอบจัดการโฉมหน้าโลก : บรรดาสัญลักษณ์ของวันนี้ทำให้ความเป็นจริงของวันพรุ่งเกิดขึ้นได้ ลองสังเกตสวัสดิกะของนาซีและเครื่องหมายแห่งความเกลียดอื่นๆ ดูซีครับ อย่าเบือนหน้าหนีและอย่าปรับตัวให้ชินกับมัน ลงมือลบสัญลักษณ์พวกนี้ออกด้วยตัวคุณเองและเป็นแบบอย่างให้คนอื่นทำตาม

5) รำลึกถึงจรรยาบรรณวิชาชีพ : เมื่อผู้นำการเมืองทำตัวอย่างเชิงลบออกมา การยึดมั่นในทางวิชาชีพต่อการปฏิบัติที่ยุติธรรมก็กลายเป็นเรื่องสำคัญยิ่งขึ้น มันยากที่จะบ่อนเบียนนิติรัฐถ้าไม่มีนักกฎหมาย และก็ยากที่จะพิจารณาคดีในศาลกำมะลอถ้าไม่มีตุลาการ

พวกอำนาจนิยมจำต้องมีข้าราชการที่เชื่อฟัง และผู้อำนวยการค่ายกักกันก็ล้วนแต่มองหานักธุรกิจที่สนใจแรงงานราคาถูกด้วยกันทั้งนั้น

6)ระวังระไวกองกำลังเถื่อนไว้ให้ดี : เมื่อใดที่ชายฉกรรจ์ติดปืนผู้อวดอ้างเสมอมาว่าต่อต้านระบบเริ่มพากันสวมเครื่องแบบและออกเดินสวนสนามพร้อมถือคบเพลิงกับภาพท่านผู้นำ แสดงว่ามันใกล้จบเห่แล้ว เมื่อใดที่กองกำลังเถื่อนที่สนับสนุนท่านผู้นำผสมปนเปเข้ากับตำรวจทหารของทางการ ก็เป็นอันว่าจบเห่กัน

7) ไตร่ตรองให้ดีถ้าคุณต้องถืออาวุธ : ถ้าคุณรับราชการในงานที่ต้องพกพาอาวุธ ขอพระผู้เป็นเจ้าได้โปรดประทานพรให้คุณและคุ้มครองคุณให้ปลอดภัย แต่ได้โปรดรับรู้ไว้ว่าความชั่วร้ายในอดีตนั้นมักเกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่วันหนึ่งพบว่าตัวเองกระทำสิ่งผิดปกติ ขอจงเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะบอกว่าไม่ยอมทำ

8) ยืนเด่นโดยท้าทาย : ใครสักคนต้องทำเช่นนั้น มันง่ายที่จะตามเขาต้อยๆ ไป มันอาจรู้สึกแปลกที่จะทำหรือพูดสิ่งที่ผิดแผกแตกต่างออกไป แต่หากไม่มีความลำบากใจแบบนั้นเสียแล้ว ก็จะไม่มีเสรีภาพ ระลึกถึงกรณี โรซ่า พาร์กส์ เอาไว้ (หญิงอเมริกันผิวดำผู้ปฏิเสธคำสั่งของพนักงานขับรถโดยสารให้สละที่นั่งของเธอให้คนผิวขาว) เมื่อใดที่คุณลุกขึ้นมาทำตัวเป็นแบบอย่าง มนต์สะกดของสถานภาพเก่าก็จะเสื่อมสลายลงและคนอื่นๆ ก็จะทยอยทำตามคุณ

9) เมตตาต่อภาษาของเรา : หลีกเลี่ยงการเอ่ยอ้างวลีต่างๆ ที่คนอื่นทุกคนเขาพูดๆ กัน คิดค้นวิธีพูดของคุณเองขึ้นมา แม้เพียงเพื่อสื่อสารสิ่งที่คุณคิดว่าคนอื่นทุกคนเขากำลังพูดกัน เพียรพยายามปลีกตัวออกมาจากอินเตอร์เน็ต หมั่นอ่านหนังสือ

10) เชื่อความจริง : การละทิ้งข้อเท็จจริงก็คือการละทิ้งเสรีภาพ ถ้าไม่มีสิ่งใดจริง ก็ไม่มีใครอาจวิจารณ์อำนาจได้ เพราะไม่มีพื้นฐานใดมารองรับการวิจารณ์ ถ้าไม่มีสิ่งใดจริง สิ่งทั้งปวงก็เป็นแค่มหรสพ

กระเป๋าสตางค์ใบใหญ่ที่สุดย่อมจ่ายค่าแสงสว่างจ้าที่สาดส่องจนตาลายที่สุด

Vice President Mike Pence (L) and Speaker of the House Paul Ryan (R) listen as US President Donald J. Trump (C) delivers his first address to a joint session of Congress from the floor of the House of Representatives in Washington, DC, USA, 28 February 2017. / AFP PHOTO / EPA POOL / JIM LO SCALZO

11)สอบค้นความจริง : คิดค้นเรื่องต่างๆ ด้วยตัวคุณเอง ใช้เวลามากขึ้นกับบทความยาวๆ ออกเงินอุดหนุนข่าวสารเชิงสอบสวนโดยบอกรับเป็นสมาชิกสื่อสิ่งพิมพ์ฉบับต่างๆ พึงตระหนักว่าของบางอย่างที่อยู่บนอินเตอร์เน็ตนั้นมีไว้เล่นงานคุณ เรียนรู้เกี่ยวกับเว็บไซต์ต่างๆ ที่สอบค้นการรณรงค์โฆษณาชวนเชื่อ (การรณรงค์เหล่านี้บ้างก็มาจากต่างประเทศ) แสดงความรับผิดชอบสิ่งที่คุณสื่อสารกับคนอื่น

12) หัดสบตาโอภาปราศรัย : นี่ไม่ใช่แค่เรื่องมารยาทของสุภาพชน หากเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นพลเมืองและสมาชิกสังคมผู้รับผิดชอบ มันยังเป็นวิธีการหนึ่งในการเกาะติดสภาพแวดล้อมของคุณ หักรานด่านกีดกั้นทางสังคม และทำความเข้าใจว่าใครบ้างที่คุณควรหรือไม่ควรไว้วางใจ ถ้าเราตกเข้าไปอยู่ในวัฒนธรรมของการประณามกล่าวร้ายแล้ว คุณย่อมอยากรู้ภูมิทัศน์ทางจิตวิทยาของชีวิตประจำวันของคุณเอง

13) ปฏิบัติการเมืองเรื่องร่างกาย : อำนาจต้องการให้คุณนั่งแช่อยู่บนเก้าอี้จนตัวอ่อนปวกเปียกและจับจ้องมองจอจนเย็นชาหมดอารมณ์ความรู้สึกไป ออกไปข้างนอกซะ เอาตัวคุณไปอยู่ในที่แปลกใหม่กับผู้คนแปลกตา ผูกมิตรและเดินขบวนไปกับพวกเขา

14) จัดระบบชีวิตส่วนตัว : ผู้ปกครองที่ต่ำช้าจะใช้เรื่องของคุณที่พวกเขารู้มารังควานคุณ ฉะนั้น จงหมั่นกวาดล้างขัดถูคอมพิวเตอร์ของคุณให้ปลอดมัลแวร์เป็นประจำ จำไว้ว่าอีเมลคือการทิ้งร่องรอยหราไว้ในที่แจ้ง ลองพิจารณาเลือกใช้อินเตอร์เน็ตในรูปแบบอื่นหรือใช้มันให้น้อยลงเสีย ติดต่อแลกเปลี่ยนแบบส่วนตัวโดยพบปะกันตัวต่อตัว ด้วยเหตุผลทำนองเดียวกัน พึงแก้ไขคดีความยุ่งยากเดือดร้อนทางกฎหมายต่างๆ ให้หมดไป พวกทรราชนั้นจะมองหาห่วงคล้องไว้สำหรับจับคุณแขวน พยายามอย่าให้มีห่วงคล้องติดตัว

15) อุทิศคุณูปการให้ภารกิจที่ดีๆ : เข้าร่วมอย่างแข็งขันเอาการเอางานในองค์การต่างๆ ซึ่งจะเป็นองค์การทางการเมืองหรือไม่ก็ตามที่แสดงออกซึ่งทรรศนะของคุณเกี่ยวกับชีวิต เลือกองค์กรการกุศลสักแห่งสองแห่งแล้วจัดวางระบบหักส่วนรายได้ของคุณเป็นเงินบริจาคโดยอัตโนมัติ

ฉะนี้แล้วก็ถือว่าคุณได้ทำการเลือกอย่างเสรีที่จะสนับสนุนประชาสังคมและช่วยคนอื่นให้ได้ทำดี

16)เรียนรู้จากเพื่อนร่วมวงการในประเทศอื่น : รักษามิตรภาพกับเพื่อนต่างแดนไว้ หรือคบหาเพื่อนใหม่ในต่างประเทศ ความยากลำบากในสหรัฐปัจจุบันนี้เป็นเชื้อมูลหนึ่งของแนวโน้มที่ใหญ่กว่า และจะไม่มีประเทศไหนดอกที่หาทางออกได้โดยลำพังตัวเอง จัดการให้แน่ใจว่าคุณกับครอบครัวมีหนังสือเดินทางพร้อมสรรพ

17) คอยเงี่ยหูฟังถ้อยคำอันตรายไว้ให้ดี : พึงระวังระไวเวลามีคนใช้คำอย่างความคิดสุดโต่งและการก่อการร้าย พึงตื่นตัวต่อแนวคิดที่อันตรายถึงชีวิตประเภทภาวะฉุกเฉินและภาวะยกเว้นเอาไว้ให้ดี ควรโมโหโกรธากับการฉวยใช้ศัพท์แสงรักชาติแบบฉ้อฉล

18) สงบเยือกเย็นไว้เมื่อสิ่งที่คิดไม่ถึงบังเกิดขึ้น : ระบบทรราชสมัยใหม่เป็นเรื่องของการบริหารจัดการความหวาดกลัวภัยร้าย เมื่อเกิดการโจมตีก่อการร้ายขึ้น จำไว้ว่าพวกอำนาจนิยมจะฉวยใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ทำนองนั้นเพื่อเสริมสร้างอำนาจของตนให้เป็นปึกแผ่น ความวิบัติฉิบหายอย่างเฉียบพลันที่เรียกร้องต้องการให้ยุติการตรวจสอบถ่วงดุล ยุบพรรคฝ่ายค้าน ระงับเสรีภาพในการแสดงออกเอย สิทธิในการได้รับการไต่สวนดำเนินคดีอย่างยุติธรรมเอย ฯลฯ นั้นเป็นลูกไม้เก่าแก่ที่สุดในตำราแบบฮิตเลอร์ อย่าได้หลงกลมัน

19) จงรักชาติ : ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับอนุชนรุ่นหลังๆ ว่าอเมริกาหมายถึงสิ่งใด พวกเขาจำเป็นจะต้องมีตัวอย่างเช่นนั้น

20) จงกล้าที่สุดเท่าที่คุณจะกล้าได้ : หากแม้นไม่มีใครในหมู่พวกเราพร้อมจะตายเพื่อเสรีภาพแล้ว เราทั้งหมดก็จะตายภายใต้ระบอบทรราช