ทุกครั้งที่มีข่าว “จะ” ปรับครม.มักจะปรากฏนาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นำหน้าเสมอ

เท่ากับยืนยัน บทบาท และความหมาย

ไม่ว่าแนวโน้มของ “ข่าวลือ” จะเป็นการปรับเพื่อให้มีฐานะดีขึ้น ไม่ว่าแนวโน้มของ “ข่าวลือ” จะเป็นการปรับเพื่อลดทอนอำนาจ

ล้วนยืนยันในบทบาทและความหมายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทั้งสิ้น

เท่ากับแสดงว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สำคัญ

สำคัญเนื่องจาก 1 อยู่ในฐานะเป็น “จุดแข็ง” ขณะเดียวกัน ก็สำคัญเนื่องจาก 1 อยู่ในฐานะเป็น “จุดอ่อน”

บุคคลคนเดียวสามารถมี 2 บทบาทได้อย่างไร

 

เหตุปัจจัยอะไรทำให้ทุกครั้งที่มีข่าวลือ “ปล่อย” ออกมาในกรณีการปรับครม.จะต้องมีนาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

คำตอบ 1 เพราะเป็น “ห่วงโซ่” สำคัญ

หากสามารถตัดห่วงโซ่ชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกไปได้เท่ากับสร้างเงื่อนไขให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

เพียงเอาออกจากตำแหน่ง “เดิม” ก็เรียบร้อย

คำตอบ 1 เพราะการเอา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกจากที่เคยยึดครองตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เท่ากับเป็นการเอาเข็มแทงเข้าไปในลูกโป่ง

เป็นลูกโป่ง “รัฐบาล” เป็นลุกโป่ง “คสช.”

จากเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมากระทั่งผ่านเดือนพฤษภาคม 2560 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงอยู่ในจุดอันเป็นเป้าหมาย

“จุดแข็ง” จึงกลายเป็น “จุดอ่อน”

 

กลยุทธ์ในการเล่นงาน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงดำเนินไปโดยมีแรกแยกจำแนก

เด่นชัดว่าหงุดหงิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ขณะเดียวกัน ก็เด่นชัดว่ายังต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ในตำแหน่งต่อไป

ไม่ว่าในคสช. ไม่ว่าในรัฐบาล

เพียงแต่ไม่ต้องการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ คุมทหาร คุมตำรวจเท่านั้น

กลยุทธ์นี้เลือดเย็นในระดับ “นักฆ่า”