จรัญ พงษ์จีน : หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่

จรัญ พงษ์จีน

จะด้วยความตั้งใจ-ไม่ตั้งใจ สร้างสถานการณ์ เล่นกระแส หรืออะไรก็ตามแต่ ข่าวที่ร่ำลือกันกระฉ่อนเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าด้วยเรื่อง “หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่” หวยกำลังจะออกที่ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ในการนำทัพรับมือกะศึกเลือกตั้งที่กำลังจะระเบิดขึ้น ทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครรู้ว่า “เมื่อใด”

ปมดราม่าเกิดขึ้นหลังจาก “คุณหญิงหน่อย” แกนนำเพื่อไทย สาย กทม. นำอดีต ส.ส.พรรคเดินทางไปเยือนจีนตามคำเชิญของกรมวิเทศสัมพันธ์ของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

ตามข่าวระบุว่า ในการนี้ทาง “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ เป็นผู้ออกแรงประสานสิบทิศกับทางการจีน และบังเอิญว่าในช่วงที่คณะของ “คุณหญิงหน่อย” เดินทางไปนั้น พอดิบพอดีกับที่ “ทักษิณ” ก็เดินทางมาจีน ตีกอล์ฟอยู่ปักกิ่ง

จึงเกิดกระแสเม้าธ์กระจายว่า “ทักษิณ” ตกล่องปล่องชิ้น ดัน “คุณหญิงสุดารัตน์” ขึ้นเป็นประมุขพรรคเพื่อไทยคนใหม่

“คุณหญิงหน่อย” ออกมาไขข้อปริศนาดังกล่าวโดยพลันว่า การเดินทางไปเยือนปักกิ่งในคาบนี้ เป็นไปตามคำเชิญของกระทรวงวิเทศสัมพันธ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ติดต่อมาตั้งแต่ปี 2559 โน่นแล้ว แต่ตัวเองติดภารกิจ จึงขอเลื่อน และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม จึงชักชวนอดีต ส.ส. ที่สนใจงานด้านเกษตรกรรมร่วมเดินทางไปดูงานเมื่อปลายเดือนมิถุนายน

เพราะโลกมันกลม จึงได้เจอกับ “นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์” อดีตทื่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านนโยบายเศรษฐกิจสมัยรัฐบาล “ทักษิณ” ซึ่งเดินทางไปเยือนประเทศจีนในช่วงดังกล่าวเหมือนกัน พบกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ดิฉันขอย้ำว่าเดินทางไปดูงานตามคำเชิญของจีน ที่เชิญตัวแทนของพรรคการเมืองหลายพรรคไป นายพันศักดิ์ไม่ได้เป็นคนจัดการให้ กระแสข่าวที่ว่าดิฉันพา ส.ส. ไปเปิดตัว ในฐานะผู้นำพรรคคนใหม่ ไม่เป็นความจริง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่วงนี้กระแสที่จะขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งพรรคเพื่อไทยแรง “คุณหญิงหน่อย” ปฏิเสธว่า “ไม่เป็นความจริง ไม่ได้สนใจข่าวดังกล่าว และไม่เกี่ยวอะไรกันเลยกับการเดินทางไปดูงานที่จีน คนชอบ คนไม่ชอบพรรคเพื่อไทยและดิฉัน เป็นเรื่องปัจเจก คนไม่ชอบก็หาเรื่องว่าได้ตลอด ก็ต้องทำใจ คนกลางๆ ที่เขาเข้าใจถือว่าเป็นกุศล”

กับคำถามที่ว่า พรรคเพื่อไทยตกผลึกแล้วหรือยังว่าใครจะเป็นคนนำทัพกับศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป “คุญหญิงสุดารัตน์” ชี้แจงว่า ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะว่ายังอีกนาน ไม่รู้ว่าพรรคจะประชุมได้เมื่อไหร่ การเลือกตั้งก็ยังไม่แน่นอน อาจจะเป็นปี 2561 หรือ 2562 เป็นได้ทุกอย่าง

“พรรคต้องปฏิรูปตัวเอง โดยเฉพาะประเด็นที่ถูกมองว่าครอบงำ เป็นพรรคของคนนั้นคนนี้ พรรคเพื่อไทยต้องปรับแก้ไขกัน ต้องแสวงหาคนเข้ามาทำงาน”

 

“พรรคเพื่อไทย” เป็นเจเนอเรชั่นที่สาม ต่อยอดมาจาก “ไทยรักไทย” และ “พลังประชาชน” เป็นสมบัติก้นหีบของตระกูล “ชินวัตร” จาก “ทักษิณ ชินวัตร” ตามด้วย “น้องเขย-สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ปล่อยวางให้ “นายสมัคร สุนทรเวช” มาขัดตาทัพอยู่แค่ประเดี๋ยวประด๋าว แล้วส่งมอบให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสุดท้องรับงานสานต่อ

ไม่ว่าจะใช้ชื่อพรรคอะไร แต่เมื่อยังแขวนโลโก้ “ชินวัตร” ไว้เป็นเงาทะมึนอยู่เบื้องหลัง ก็ประสบชัยชนะต่อศึกเลือกตั้งทุกครั้ง การที่ถนนการเมืองไม่มีเรื่อง “ปาฏิหาริย์” มาเป็นเวลานานหลายปี นักวิเคราะห์ยังขบไม่แตก

ว่า พรรคการเมืองที่เป็นเครือข่าย “ชินวัตร” เก่งฉกาจฉกรรจ์ เยี่ยมวรยุทธ์ ทั้งนโยบาย ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี

หรือว่า เป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามได้แก่พลังจารีต และ “พรรคประชาธิปัตย์” ผิดพลาด การเมืองไม่เอาอ่าว ทุกศึกเลือกตั้งจึงจมปลักอยู่ในโซนผู้พ่ายตลอดมา

อย่างไรก็ตาม การที่พรรคการเมืองหนึ่ง ผูกพัน ติดเป็นเงื่อนตายกับตระกูลหนึ่งตระกูลใด เหมือนมีกล้องติดตามตัวไปทุกหนทุกแห่ง ย่อมมี “ผลบวก” และ “ผลลบ”

ผลบวก ก็คือ ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อพรรค พะยี่ห้ออะไร ไทยรักไทย พลังประชาชน หรือเพื่อไทย ก็ผูกปีชนะเลือกตั้งมาทุกครั้ง

แต่ขณะเดียวกัน หลังชนะเลือกตั้งก็มีอันเป็นไปตลอดมา ถูกล้มกระดานด้วยการ “ปฏิวัติ-รัฐประหาร” มาแล้วสองครั้ง และสร้างพลังมวลชนให้เติบใหญ่ไพศาลมาแล้ว ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ และ “กปปส.”

“เพื่อไทย” กำลังนวยนาดอยู่ระหว่าง “ทางสองแพร่ง” จะทำเนียน ใช้บริการสูตรเดิม คือ เครือข่ายตระกูลชินวัตร ซึ่ง “เวิร์ก” มาตลอดในช่วงเวลาหลายปี และมีชื่อ “นางมณฑาทิพย์ ชินวัตร” น้องสาวอีกคนโผล่ขึ้นมา ว่าจะเป็นผู้นำทัพคนต่อไป เป้าหมายเพื่อกำชัยชนะอีกครั้ง

ขณะที่บางส่วนในเพื่อไทย มีแนวคิดร่วมกันว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีจุดเปลี่ยนภายใน เพื่อนำพรรคสู่การพึ่งพาอำนาจของประชาชนอย่างแท้จริง แต่ก็เหมือนเกมล่าฝัน เนื่องจากหากเลือกวิธีนี้ พรรคเพื่อไทยก็มิต่างอะไรกับพรรคอื่น สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้ง

ทางออกของพรรคเพื่อไทย น่าจะพบกันครึ่งทาง เฟ้นหาคนกลางมาขัดตาทัพ โดยยังอาศัยร่มเงาเครือข่ายทักษิณ เพื่อทำหน้าที่กำหนดชะตากรรมร่วมกัน

แนวทางดัน “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” มาเป็นผู้นำทัพ ก็เป็นวิธีหนึ่ง เพราะสามารถประสานงานกับพรรคการเมืองอื่นๆ ได้ แม้กระทั่งอำนาจทางทหาร เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า “คุณหญิงหน่อย” มีความสนิทชิดเชื้อกับคนใกล้ชิดของ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์

ปัญหาอยู่ที่ว่า “คุณหญิงสุดารัตน์” ได้รับการยอมรับจากเครือญาติชินวัตรมากขนาดไหน และมีฐานเสียงจากกลุ่มการเมืองในพรรคเพื่อไทยกี่มุ้ง

โดยเฉพาะกลุ่มอดีต ส.ส.สายอีสาน ที่ทรงพลังมากที่สุด ยอมรับมากขนาดไหน…